วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

มะม่วง

มะม่วง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

มะม่วง
?

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์[แสดง]
อันดับ Sapindales
วงศ์ Anacardiaceae
ข้อมูลทั่วไป[แสดง]
Species[แสดง]
มะม่วง เป็นไม้ยืนต้นในตระกูล Mangifera ซึ่งเป็นไม้ผลเมืองร้อนประมาณ 35 สปีชีส์ ในวงศ์ไม้ดอก Anacardiaceae เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบโต ยาว ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีขาว ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง เมล็ดแบน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง
มะม่วงเป็นผลไม้เศรษฐกิจ ปลูกเป็นพืชสวน ประเทศไทยส่งออกมะม่วงเป็นอันดับ 3 รองจากฟิลิปปินส์ และแม็กซิโก [1]
เนื้อหา [ซ่อน]
1 ประวัติ
2 สายพันธุ์
3 การใช้ประโยชน์
4 ข้อมูลเพิ่มเติม
5 อ้างอิง
[แก้]ประวัติ

ต้นกำเนิดของมะม่วงนั้นยังไม่ทราบที่มาอย่างแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าแพร่พันธุ์มาจากเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการที่ภูมิภาคนั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมและร่องรอยฟอสซิลที่หลากหลาย นับย้อนไปได้ถึง 25-30 ล้านปีก่อน[2] มะม่วงมีความแตกต่างประมาณ 49 สายพันธุ์กระจายอยู่ตามประเทศในเขตร้อนตั้งแต่อินเดียไปจนถึงฟิลิปปินส์ ในประเทศไทยมีการปลูกมะม่วงมาช้านาน
[แก้]สายพันธุ์

มะม่วงมีพันธุ์มากมายดังที่ปรากฏในหนังสือพรรณพฤกษาของเจ้าพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ที่กล่าวถึงมะม่วงในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้กว่า 50 พันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น เขียวเสวย แรด น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ อกร่อง
[แก้]การใช้ประโยชน์



ผลมะม่วงสุก
ผลมะม่วงนำมารับประทานได้ทั้งดิบและสุก มะม่วงดิบเปลือกสีเขียวเนื้อสีขาวส่วนใหญ่มีรสเปรี้ยว ยกเว้นบางพันธุ์ที่เรียกว่ามะม่วงมัน ส่วนผลสุกจะมีสีเหลืองทั้งเปลือกและเนื้อ รับประทานสด หรือ นำไปทำเป็นอาหารเช่น ข้าวเหนียวมะม่วง อีกทั้งมีการนำไปแปรรูป เช่น มะม่วงกวน แบ่งมะม่วงตามความนิยมในการรับประทานเป็น 3 ประเภทคือ
นิยมรับประทานดิบได้แก่พันธุ์ที่มีรสหวานมันตอนแก่จัด เช่น เขียวเสวย แรด พิมเสนมัน ทองดำ เขียวไข่กา หรือมีรสมันตอนอ่อนไม่เปรี้ยว เช่น ฟ้าลั่น หนองแซง มะม่วงเหล่านี้เมื่อสุกแล้วจะหวานชืด ไม่อร่อย
นิยมรับประทานสุก เมื่อดิบมีรสเปรี้ยว ต้องบ่มให้สุกก่อนรับประทานเช่น อกร่อง นวลจันทร์ น้ำดอกไม้
นิยมนำมาแปรรูป แก่จัดมีรสมันอมเปรี้ยว เมื่อสุกหวานอมเปรี้ยวหรือหวานชืด จึงนิยมนำมาแปรรูปเป็นมะม่วงดอง มะม่วงกวนและอื่นๆ เช่น มะม่วงแก้ว พิมเสนเปรี้ยว
นอกจากการนำมาเป็นอาหารแล้ว มะม่วงมีประโยชน์ด้านอื่นอีก ดังนี้
เนื้อไม้นำมาทำเฟอร์นิเจอร์
ใช้ยอดอ่อน ผลอ่อน มาประกอบอาหารแทนผัก
ใช้เป็นยาสมุนไพร เช่น ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง แก้เลือดออกตามไรฟัน เป็นต้น
[แก้]

ไก่ย่าง

ไก่ย่าง

ส่วนผสม

ไก่ขนาดกลาง(700 กรัม) 50 ตัว
มะนาว 50 ผล
เกลือป่น 3 ถ้วยตวง
รากผักชี 100 กรัม
กระเทียม 1 กิโลกรัม
พริกไทยป่น 200 กรัม
ซีอิ้วขาว 2 ขาว
เบียร์ 2 ขวด
วิธีทำ

1. ล้างไก่ให้สะอาดทั้งด้านในและด้านนอก มะนาวผ่าครึ่ง ทาให้ทั่วตัวไก่

2. ทาเกลือป่นให้ทั่วตัวไก่พักไว้

3. ผสมรากผักชี กระเทียม พริกไทย ที่โขลกไว้กับซีอิ้วขาวและเบียร์ ทาให้ทั่วตัวไก่ หมักไว้ 2 ชั่วโมง

4. ย่างไก่ด้วยไฟอ่อนจนสุกหนังเหลืองกรอบ

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม

พริกชี้ฟ้าแดง 1 กิโลกรัม
พริกขี้หนู 100 กรัม
กระเทียม 1/2 กิโลกรัม
เกลือป่น 250 กรัม
น้ำส้มสายชู 2 ขวด
น้ำตาลทราย 3 กิโลกรัม
วิธีทำ

1. พริกชี้ฟ้าแกะเมล็ดออกให้หมด โขลกเกลือ กระเทียม และพริกให้ละเอียด

2. ปรุงรสด้วยน้ำส้ม เกลือ น้ำตาล คนให้เข้ากัน ชิมรสให้เปรี้ยว หวาน เค็ม

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

ช็อคโกแลต

ชนิดของช็อคโกแลต
ช็อคโกแลตในโลกนี้ไม่ได้มีอยู่แค่ชนิดเดียว แต่มีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีรสชาดและความหอมหวานที่แตกต่างกันไป รวมทั้งสีก็ต่างกันในแต่ละชนิด มีทั้งที่เป็นสีน้ำตาลอย่างที่เราคุ้นเคยกันอยู่ และสีขาวที่ไม่น่าจะเป็นสีช็อคโกแลต แต่ก็อร่อยไม่แพ้กัน ลองมาดูกันซิว่าช็อคโกแลตมีอะไรบ้าง จะน่ากินแค่ไหน

Chocolate Liquor เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อคโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อคโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อคโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัทเตอร์ประมาณ 53%
Semi-Sweet (แบบหวานน้อย) ช็อคโกแลตชนิดนี้อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่ cocoa butter ลงไปด้วย สีของช็อคโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อคโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27%
Milk Chocolate (ช็อคโกแลตนม) ช็อคโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของ cocoa butter , นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาดลงไปด้วย ช็อคโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อคโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อคโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%
Sweet Chocolate (ช็อคโกแลตชนิดหวาน) ช็อคโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อคโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อคโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อคโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่าๆ กับช็อคโกแลตแบบหวานน้อย
White Chocolate ช็อคโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของ cocoa butter แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล , cocoa butter , นมสด และ ใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย White chocolate นี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่า cocoa butter
Liquid Chocolate เป็นช็อคโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวดๆ ละ 1ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่า cocoa butter ซึ่งเนื้อช็อคโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อคโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน
Couverture ช็อคโกแลตชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของ cocoa butter อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อคโกแลตอยู่
Ganache ช็อคโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อคโกแลต Ganache ทำโดยการหั่นช็อคโกแลตและใส่วิปปิ้งลงไปตีในครีมร้อนๆ ผสมกันจนช็อคโกแลตละลายและส่วนผสมข้นและแข็งขึ้น
Confectionery Coating (เคลือบลูกกวาด) เป็นช็อคโกแลตที่ไว้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาดต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของ cocoa butter เหมือนชนิดอื่นๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้

ป่าไม้

ประเภทของป่าไม้

ป่าไม้ในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

ป่าดงดิบหรือป่าไม่ผลัดใบ (Evergeen forest)

เป็นระบบนิเวศน์ของป่าไม้ชนิดที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดไม่ผลัดใบคือมีใบเขียวตลอดเวลา แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ

1. ป่าดิบเมืองร้อน (Tropical evergreen forest)
เป็นป่าที่อยู่ในเขตลมมรสุมพัดผ่านเกือบตลอดปี มีปริมาณน้ำฝนมาก แบ่งออกเป็น :
1.1 ป่าดงดิบชื้น (Tropical rain forest)
ป่าดงดิบชื้นในประเทศไทยมีการกระจายส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ อาจพบในภาคอื่นบ้าง แต่มักมีลักษณะโครงสร้างที่เป็นสังคมย่อยของสังคมป่าชนิดนี้ ป่าดงดิบชื้นขึ้นอยู่ในที่ราบรือบนภูเขาที่ระดับความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในภาคใต้พบได้ตั้งแต่ตอนล่างของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปจนถึงชายเขตแดน ส่วนทางภาคตะวันออกพบในจังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง และบางส่วนของจังหวัดชลบุรี (อุทิศ, 2541)
1.2 ป่าดงดิบแล้ง (Dry evergreen forest)
ป่าดงดิบแล้งของเมืองไทยพบกระจายตั้งแต่ตอนบนของทิวเขาถนนธงชัยจากจังหวัดชุมพรขึ้นมาทางเหนือ ปกคลุมลาดเขาทางทิศตะวันตกของทิวเขาตะนาวศรีไปจนถึงจังหวัดเชียงราย ส่วนซีกตะวันออกของประเทศปกคลุมตั้งแต่ทิวเขาภูพานต่อลงมามาถึงทิวเขาบรรทัด ทิวเขาพนมดงรักลงไปจนถึงจังหวัดระยองขึ้นไปตามทิวเขาดงพญาเย็น ทิวเขาเพชรบูรณ์จนถึงจังหวัดเลยและน่าน นอกจากนี้ ยังพบในจังหวัดสกลนคร และทางเหนือของจังหวัดหนองคายเลียบลำน้ำโขงในส่วนที่ติดต่อกับประเทศลาว ป่าชนิดนี้พบตั้งแต่ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลางประมาณ 100 เมตรขึ้นไปถึง 800 เมตร (อุทิศ, 2541)

1.3 ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest)
ป่าดงดิบเขาอาจพบได้ในทุกภาคของประเทศในบริเวณที่เป็นยอดเขาสูง พบตั้งแต่เขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขึ้นไปจนถึงยอดเขาสูง ๆ ในภาคเหนือ เช่น ยอดดอยอินทนนท์ ดอยปุย และยอดดอยอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น ส่วนทางภาคตะวันออกพบได้บนยอดดอยภูหลวง ภูกระดึง ยอดเขาสูงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้น (อุทิศ, 2541)

2. ป่าสน (Coniferous forest)
ป่าชนิดนี้ถือเอาลักษณะโครงสร้างของสังคมเป็นหลักในการจำแนกโดยเฉพาะองค์ประกอบของชนิดพันธุ์ไม้ในสังคมและไม้เด่นนำ อาจเป็นสนสองใบหรือสนสามใบ







3. ป่าพรุหรือป่าบึง (Swamp forest)
พบตามที่ราบลุ่มมีน้ำขังอยู่เสมอ และตามริมฝั่งทะเลที่มีโคลนเลนทั่วๆ ไป แบ่งออกเป็น
3.1 ป่าพรุ (Peat Swamp)
เป็นสังคมป่าที่อยู่ถัดจากบริเวณสังคมป่าชายเลน โดยอาจจะเป็นพื้นที่ลุ่มที่มีการทับถมของซากพืชและอินทรียวัตถุที่ไม่สลายตัว และมีน้ำท่วมขังหรือชื้นแฉะตลอดปี จากรายงานของกองสำรวจดิน กรมพัฒนาที่ดิน (2525) พื้นที่ที่เป็นพรุพบในจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้ นราธิวาส 283,350 ไร่ นครศรีธรรมราช 76,875 ไร่ ชุมพร 16,900 ไร่ สงขลา 5,545 ไร่ พัทลุง 2,786 ไร่ ปัตตานี 1,127 ไร่ และตราด 11,980 ไร่ ส่วนจังหวัดที่พบเล็กน้อย ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ตรังกระบี่ สตูล ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ (อ.พร้าว) และจังหวัดชายทะเลอื่น ๆ รวมเป็นพื้นที่ 400,000 ไร่ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกบุกรุกทำลายระบายน้ำออกเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นสวนมะพร้าว นาข้าว และบ่อเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลา คงเหลือเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ในจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น คือ พรุโต๊ะแดง ซึ่งยังคงเป็นป่าพรุสมบูรณ์ และพรุบาเจาะ ซึ่งเป็นพรุเสื่อมสภาพแล้ว (ธวัชชัย และชวลิต, 2528)
3.2 ป่าชายเลน (Mangrove swamp forest)
เป็นสังคมป่าไม้บริเวณชายฝQั่งทะเลในจังหวัดทางภาคใต้ กลาง และภาคตะวันออก และมีน้ำขึ้น-น้ำลงอย่างเด่นชัดในรอบวัน

4. ป่าชายหาด (Beach forest)
แพร่กระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเลที่เป็นดินกรวด ทราย และโขดหิน ดินมีฤทธิ์เป็นด่าง

ป่าผลัดใบ (Deciduous Forest)
เป็นระบบนิเวศน์ป่าชนิดที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดผลัดใบหรือทิ้งใบเก่าในฤดูแล้ง เพื่อจะแตกใบใหม่เมื่อเข้าฤดูฝน ยกเว้นพืชชั้นล่างจะไม่ผลัดใบ จะพบป่าชนิดนี้ตั้งแต่ระดับความสูง 50-800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ป่าเบญจพรรณ
ลักษณะทั่วไปเป็นป่าโปร่ง พื้นที่ป่าไม้ไม่รกทึบ มีไม้ไผ่ชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่มาก มีอยู่ทั่วไปตามภาคต่างๆ ที่เป็นที่ราบ หรือตามเนินเขา พันธุ์ไม้จะผลัดใบในฤดูแล้ง การกระจายของป่าเบญจพรรณในประเทศไทย พบในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ครอบคลุมต่ำลงไปจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตอนบน มีปรากฏที่ระดับความสูงตั้งแต่ 50 เมตร ถึง 800 เมตร หรือสุงกว่านี้ในบางจุด

2. ป่าแดง ป่าแพะ หรือป่าเต็งรัง
พบขึ้นสลับกับป่าเบญจพรรณ ลักษณะเป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ขนาดเล็ก และขนาดกลาง ไม้เด่นอันเป็นไม้ดัชนีประกอบด้วยไม้ในวงศ์ยาง ฤดูแล้งจะผลัดใบ และมีไฟป่าเป็นประจำ ป่าเต็งรังมีถิ่นกระจายโดยกว้างๆ ซ้อนทับกันอยู่กับป่าเบญจพรรณ แต่อาจแคบกว่าเล็กน้อยทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยกำหนดที่เกี่ยวข้องกับความแห้งแล้ง มีปรากฏตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีขึ้นไปจนถึงเหนือสุดในจังหวัดเชียงราย ป่าชนิดนี้เป็นสังคมพืชเด่นในทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่ปรากฏสลับกันไปกับป่าเบญจพรรณ ในพื้นที่ที่มีความแห้งแล้งจัด กักก็บน้ำได้เลว เช่น บนสันเนิน พื้นที่ราบที่เป็นทรายจัด หรือบนดินลูกรังที่มีชั้นของลูกรังตื้น ตั้งแต่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 50-1,000 เมตร

3. ป่าหญ้า
เกิดจากการทำลายสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ดินมีความเสื่อมโทรม มีฤทธิ์เป็นกรด ต้นไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ จึงมีหญ้าต่างๆ เข้าไปแทนที่ แพร่กระจายทั่วประเทศในบริเวณที่ป่าถูกทำลายและเกิดไฟป่าเป็นประจำทุกปี



หน้าแรก | คำจำกัดความเกี่ยวกับป่าไม้ | พื้นที่ป่าไม้ | ประเภทของป่าไม้ | ลุ่มน้ำ | พะยูน | เปรียบเทียบเนื้อที่ป่าไม้
เปรียบเทียบผลผลิตของน้ำจากระบบวนเกษตรต่างๆ | การศึกษาต้านทานหนอนเจาะยอด
ศักยภาพของแมลงคุกคามต่อสวนป่าอะคาเซียและยูคาลิปตัส | ผลกระทบจากการชะล้างพังทลายของดินในเขตลุ่มน้ำ
การลดผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคของไม้ยูคาลิปตัส

คำขวัญวันเด็ก

ปี นายกรัฐมนตรี คำขวัญ
พ.ศ. 2499 จอมพล ป. พิบูลสงคราม จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
พ.ศ. 2503 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
พ.ศ. 2504 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
พ.ศ. 2505 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
พ.ศ. 2506 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
พ.ศ. 2507 จอมพล ถนอม กิตติขจร ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
พ.ศ. 2508 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
พ.ศ. 2509 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
พ.ศ. 2510 จอมพล ถนอม กิตติขจร อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
พ.ศ. 2511 จอมพล ถนอม กิตติขจร ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
พ.ศ. 2512 จอมพล ถนอม กิตติขจร รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
พ.ศ. 2513 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
พ.ศ. 2514 จอมพล ถนอม กิตติขจร ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
พ.ศ. 2515 จอมพล ถนอม กิตติขจร เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
พ.ศ. 2516 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ. 2517 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ สามัคคีคือพลัง
พ.ศ. 2518 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
พ.ศ. 2519 หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
พ.ศ. 2520 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
พ.ศ. 2521 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง
พ.ศ. 2522 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
พ.ศ. 2523 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2524 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
พ.ศ. 2525 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2526 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
พ.ศ. 2527 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
พ.ศ. 2528 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
พ.ศ. 2529 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2530 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2531 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2532 พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2533 พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2534 พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
พ.ศ. 2535 นายอานันท์ ปันยารชุน สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
พ.ศ. 2536 นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2537 นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2538 นายชวน หลีกภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
พ.ศ. 2540 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
พ.ศ. 2541 นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ. 2542 นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ. 2543 นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ. 2544 นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ. 2545 พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
พ.ศ. 2546 พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
พ.ศ. 2547 พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
พ.ศ. 2548 พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
พ.ศ. 2549 พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
พ.ศ. 2550 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
พ.ศ. 2551 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
พ.ศ. 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

การสังคยานา

การสังคายนา

การสังคายนา คือ การรวบรวม เรียบเรียงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่ การทำสังคายนาได้ทำติดต่อกันเป็นระยะทั้งในประเทศอินเดีย ประเทศศรีลังกา ประเทศไทย รวมทั้งสิ้น ๑๐ ครั้ง ครั้งที่มีความสำคัญต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย คือ ครั้งที่ ๓ ในราว พ.ศ. ๒๓๔ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงจัดให้มีการสังคายนาพระธรรมวินัยขึ้นเป็นครั้งที่ ๓ ณ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตรโดยมีพระโมคคีลลีบุตรติสสเถระเป็นประธานสงฆ์มีพระสงฆ์เข้าร่วมสังคายนา ๑๐๐๐ รูป หลังจากเสร็จสิ้นการสังคายนา พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงส่งคณะ สมณทูตไปเผยแพร่พระพุทธศาสนายังดินแดนต่างๆรวม ๙ สายด้วยกัน สำหรับประเทศไทยมีการสังคายนา คือ สายที่ ๘ พระโสณเถระ และพระอุตระเถระเป็นหัวหน้าไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ สันนิษฐานกันว่าน่าจะหมายถึง ดินแดนที่เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน

ต้นไม้มงคล

ต้นโกศล ต้นไม้มงคล ชื่อนั้นพ้องกับคำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดี
ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นไม้ยืนต้นที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจาก
สีสันสวยสดของใบ และคุณสมบัติที่ช่วยเสริม ความเป็นสิริมงคลให้กับบ้านอีกด้วย

ต้นกวนอิม เป็นไม้ยืนต้นที่มีชื่อใกล้เคียงกับเทพเจ้าที่ชาวจีน และชาวไทยให้ความเคารพบูชา
กันทั่วไป เชื่อกันว่าต้นกวนอิมเงิน กวนอิมทองนั้น เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้มงคลเสริมดวงชะตา
เพราะคนโบราณมักจะใช้ต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้ มาประกอบในพิธีบูชาเทพเจ้า
เชื่อกันว่าเมื่อปลูกกวนอิมในบ้านจะเกิดเป็นสิริมงคล นำผลให้มีฐานะดี เกิดความร่ำรวย

ต้นกระดังงา ต้นไม้มงคล ที่นิยมปลูกกันด้วยชื่อที่เป็นมงคล คนโบราณเชื่อกันว่าการปลูกต้นกระดังงา
ทำให้คนในบ้านมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตา มีเงินทองลาภยศ
ควรปลูกต้นกระดังงา ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน
เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล แก่ตัวบ้านและครอบครัวที่อาศัย

ต้นมะยม เป็นต้นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมปลูกกันมาก โดยเฉพาะการปลูกที่หน้าบ้านด้วยความเชื่อที่ว่า จะทำให้คนนิยมชมชอบ ไม่มีคนคิดร้ายหรือเป็นศัตรู

ดอกบานไม่รู้โรย ถือเป็นไม้ดอกที่ชื่อเป็รมงคลนามอยู่แล้วว่า บานไม่รู้โรย จะช่วยเสริม
ด้านความรักของผู้อยู่อาศัยและคู่รักให้ผูกพันมั่นคงต่อกัน

ดอกดาวเรือง เป็นดอกไม้มงคล ที่นิยมปลูกกันมากด้วยชื่อที่เป็นมงคลและสีเหลืองดั่งทอง
เสริมให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า มีเงินมีทอง

ต้นวาสนา ด้วยความเชื่อว่า ทำให้ผู้ปลูกมีโชคและวาสนาที่ดี เกิดความสุข สมหวัง
ถือเป็นไม้เสี่ยงทาย ถ้าสามารถปลูกได้สวยงามและออกดอก เชื่อว่าจะทำให้มีโชคลาภ
ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้ดังหวัง

ต้นกล้วยไม้ คนโบราณเชื่อว่า กล้วยไม้ จะทำให้เกิดความประทับใจแก่บุคคลทั่วไป
ทำให้คนในบ้านมีจริยธรรม เหมาะกับผู้ปลูกที่มีอุปนิสัยเยือกเย็นอ่อนโยน

ต้นพุด เชื่อกันว่าไม่ว่าจะเป็นต้นพุดชนิดใดจะส่งผลให้มีความเจริญ มั่นคง
แข็งแรงสมบูรณ์ ทั้งสิ้น แต่ก็ควรให้เป็นพุดชนิดที่ดอกสีขาว

ต้นพญายอ มีความเชื่อกันว่าจะทำให้ดำเนินชีวิตราบรื่นเป็นสุขสมบูรณ์

ต้นจำปา ถือเป็นต้นไม้มงคลที่จะนำโชค และเหมาะสมกับคนเกิดวันอาทิตย์อย่างยิ่ง

ต้นชบา ถือเป็นต้นไม้มงคลด้วยความเชื่ออว่าให้คุณด้านการงานเจริญก้าวหน้าไร้ปัญหาและอุปสรรค

ต้นราชพฤกษ์หรือคูน เป็นต้นไม้มงคลด้วยดอกที่เป็นพวงระย้าสวยงาม
และมีดอกสีเหลืองตัดกับสีของท้องฟ้าในฤดูร้อน จะทำให้บ้านดูสดใส
และยังมีความเป็นมงคลทางด้านช่วยให้มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี

ต้นโป๊ยเซียน พรรณไม้มงคล จะเป็นพันธุ์ใดก็ได้แต่จะต้องมีดอกสีเหลือง
หรือสีส้ม และจะเป็นมงคลอย่างยิ่งหากเป็นสีส้มหรือสีเหลืองในดอกเดียวกัน
โป๊ยเซียนไม้แห่งโชคลาภจะนำโชคลาภมาให้กับผู้ปลูก

ต้นเข็ม เป็นต้นไม้มงคลควรปลูกต้นเข็มไว้ในบริเวณบ้านเชื่อว่าจะทำให้สมองปลอดโปร่ง
เกิดความคิดความอ่านที่ดี ความคิดเฉียบขาด ให้คุณโดยทั่วไปด้วย

ต้นมะลิ เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคลที่สูงค่าจึงนิยมใช้บูชาพระ สีขาวอันบริสุทธิ์ และกลิ่นหอมเย็น
ไม่ว่าจะเป็นมะละซ้อนหรือมะลิลา ก็เป็นสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความบริสุทธิ์
มีความรักและความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป

การปลูกต้นไม้มงคล ไม้มงคลเสริมดวงชะตาผู้อยู่อาศัย ต้นไม้ที่ควรปลูก ถือเป็นต้นไม้มงคลตามทิศต่างๆ

ทิศตะวันออก ควรปลูกไม้ไผ่กอ และต้นมะพร้าว ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำทิศ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ควรปลูกต้นยอและต้นสารภี ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำทิศ
ทิศใต้ เชื่อว่าควรปลูก ต้นมะม่วง และต้นมะพลับ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เชื่อกันว่าควรปลูก ต้นสะเดา ต้นขนุน และต้นพิกุล
ทิศตะวันตก เชื่อกันว่าควรปลูก ต้นมะขาม ต้นมะยม
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เชื่อกันมาว่าควรปลูก ต้นมะกรูด
ทิศเหนือ เชื่อกันว่าควรปลูกพุทรา และหัวว่านต่างๆ ถือเป็นต้นไม้ประจำทิศ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อกันว่าควรปลูก ต้นทุเรียน ถือเป็นต้นไม้ประจำทิศ

การปลูกต้นไม้มงคล เสริมดวง ปลูกไม้มงคลที่เป็นมงคลประจำปีเกิด

เกิดปีชวด มิ่งขวัญเสริมดวงอยู่ที่ต้นกล้วยและต้นมะพร้าว ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีฉลู มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นตาล ช่วยส่งเสริมให้ดีขึ้น ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีขาล มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นขนุนและต้นรัง ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีเถาะ มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นมะพร้าวและต้นงิ้ว ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะโรง มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นกัลปพฤกษ์ และต้นงิ้ว ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะเส็ง มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่และต้นรัง ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะเมีย มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นต้นกล้วยและต้นตะเคียน ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีมะแม มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นปาริชาติ และต้นทองหลาง ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีวอก มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นยาง และต้นฝ้าย ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีระกา มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นยาง และต้นฝ้าย ถือเป็นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีจอ มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นบัวบก และต้นสำโรง ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
เกิดปีกุน มิ่งขวัญอยู่ที่กอบัวหลวง และต้นบัวบก ถือเป็นต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
ต้นไม้มงคล เสริมดวงชะตา ประจำราศีเกิด การปลูกไม้มงคล 8 ทิศ ทิศมงคลกับการปลูกต้นไม้ เสริมฮวงจุ้ย

การตลาด

การสร้างนโยบายการตลาดที่ประสบความสำเร็จ การค้นหาโอกาสในการขายสินค้าและบริการ รวมทั้งการติดต่อกับลูกค้าที่มีอยู่เดิมกับว่าที่ลูกค้า ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
ถ้าหากคุณสงสัยว่ามีวิธีการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ คุณต้องตั้งคำถามเหล่านี้

คุณมีมุมมองที่ครบถ้วนเกี่ยวกับลูกค้าและคุณสามารถแยกแยะว่าที่ลูกค้าจากมุมมองดังกล่าวหรือไม่?

ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของคุณกระจายไปอยู่ตามข่าวสารอีเมล์ เอกสาร หรือดาต้าเบสต่างๆหรือไม่?

คุณจำเป็นต้องใช้สื่อในการทำตลาดที่ซับซ้อนหรือไม่ แต่คุณกลับไม่มีงบมากพอที่จะจ้างโรงพิมพ์ได้?

พนักงานขายของคุณมีขั้นตอนที่จะติดตามผลหลังจากไปติดต่อกับลูกค้าแล้วหรือไม่?
คำตอบที่คุณได้รับกลับมาสามารถบ่งบอกให้คุณทราบว่าคุณมีแนวทางการขายและการตลาดพื้นฐานแล้วหรือไม่ จากนั้นคุณก็จะสามารถพัฒนากลยุทธการทำตลาดและขั้นตอนการขายที่ใช้ได้ผลสำหรับธุรกิจของคุณขึ้นมาได้
ในหน้านี้
สร้างแผนการทำตลาด
สร้างขั้นตอนการขาย
นำเอาขั้นตอนการขายไปใช้งานจริง
ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์
สร้างแผนการทำตลาด
แผนการทำตลาดที่ดีก็คือช่องทางที่คุณใช้ติดต่อกับลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆให้เข้ามาหาคุณ นอกจากนั้นมันยังช่วยให้คุณสามารถแยกแยะได้ว่า คุณต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทใด จะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างไร และจะติดตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อที่คุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรที่ใช้ได้ผลบ้าง สำหรับนำมาช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตมากขึ้นกว่าเดิมได้
ถ้าหากคุณยังไม่มีแผนงานตลาด การทำแผนดังกล่าวขึ้นมาไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างใด แผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นแผนที่ยืดยาวหรือซับซ้อนแต่อย่างใด แต่ควรมีข้อมูลเพียงพอที่จะช่วยให้คุณจัดเตรียม สั่งงาน และประสานงานความพยายามในการทำตลาดได้เท่านั้นเอง
เราได้จัดเตรียมขั้นตอน 5 ประการขึ้นมาเพื่อช่วยให้คุณสร้างแผนการตลาดของตัวคุณเองขึ้นมาได้ คุณต้องมีการรวบรวมข้อมูลขึ้นมาก่อนที่จะเขียนแผนงานการตลาดออกมา ทำแผนงานฉบับร่างขึ้นมา และมีการแก้ไขแผนงานหลังจากที่คุณทำแผนเสร็จแล้ว โดยเราจะใช้บริษัทท่องเที่ยวที่ชื่อ Margie's Travel ที่มีพนักงาน 25 คนเป็นตัวอย่างในครั้งนี้
ขั้นตอนที่ 1: หาจุดยืนผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ
ก่อนที่คุณจะร่างแผนงานขึ้นมา คุณต้องจดจำองค์ประกอบหลัก 4 ข้อของการทำตลาดให้ดี ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ ราคา โปรโมชัน และสถานที่ เป้าหมายของคุณก็คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการสำหรับลูกค้าที่เหมาะสม โดยมีการตั้งราคาที่เหมาะสม ภายในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมอีกด้วย วิธีการที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นก็คือการตอบคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเอง แนวทางตัวอย่างสำหรับขั้นตอนที่ 1 อิงกับแผนการตลาดที่บริษัท Margie's Travel ใช้อยู่

ลูกค้าของคุณคือใคร?
Margie's Travel ให้บริการท่องเที่ยวสำหรับนักธุรกิจ ซึ่งทำข้อมูลที่มีการรวบรวมเอาไว้ระบุว่าลูกค้าปกติเป็นหัวหน้าครอบครัวซึ่งมีอายุระหว่าง 35 ถึง 55 ปี โดยมีรายได้ต่อปีมากกว่า 100,000 ดอลลาร์

ลูกค้าเหล่านี้ต้องการอะไร?
ตลาดที่ Margie's Travel ตั้งเป้าเอาไว้ก็คือคู่สามีภรรยานักธุรกิจที่มีลูกๆ ซึ่งต้องการแผนการท่องเที่ยวที่เหมาะกับครอบครัวของตนเอง เป้าหมายของทางบริษัทก็คือจัดท่องเที่ยวที่ผ่อนคลาย มีเอกลักษณ์ และสะดวกสำหรับแต่ละครอบครัว

สินค้าและบริการของคุณแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร?
Margie's Travel มีจุดเด่นอยู่ตรงที่สามารถจัดท่องเที่ยวให้แก่ครอบครัวที่มีลูกในทุกวัย ตั้งแต่แพกเก็จท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไปจนถึงการจัดท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีคำขอของลูกค้าเข้ามาแบบกระทันหันก็ตาม รวมทั้งยังจำหน่ายตั๋วเครื่องบินสำหรับภายในหรือต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนั้น Margie's Travel ยังมีปมเด่นในเรื่องของการทำธุรกิจจากบ้าน ดังนั้นทางบริษัทจึงเสียค่าใช้จ่ายในการก่อตั้งบริษัทน้อยกว่าบริษัทท่องเที่ยวแบบเก่า

เทคนิคการทำตลาดเหล่านี้ใช้ได้ผลกับธุรกิจของคุณหรือไม่?
การวิจัยระบุว่า เครื่องมือโฆษณาที่ใช้ได้ผลมากที่สุดสำหรับบริษัทผู้ให้บริการอย่าง Margie’s. Travel ก็คือ การลงโฆษณากรอบเล็กๆในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อาทิเช่นหนังสือพิมพ์ชุมชนรายสัปดาห์ที่มีผู้อ่านระหว่าง 5,000 ถึง 40,000 คน นอกจากนั้น Margie's Travel ยังลงโฆษณาในจดหมายข่าวชุมชนเดินเรือในท้องถิ่น และส่งแผ่นพับไปยังบริษัทใหญ่ๆอีกด้วย
หลังจากที่คุณตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเหล่านี้ได้แล้ว นั่นเท่ากับคุณได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งกลับสร้างแผนการตลาดขึ้นมาแล้ว
ขั้นตอนที่ 2: ขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาที่คุณไว้ใจได้
เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณเข้าใจธุรกิจของตนเองอย่างถ่องแท้แล้ว แนวทางที่เหมาะสมอีกประการหนึ่งก็คือรวบรวมข้อมูลจากผู้คนที่เกี่ยวข้องกับคุณ คุณควรทำการประชุมกับเพื่อน พนักงาน ที่ปรึกษา หรือคนรู้จัก จากนั้นให้คนเหล่านั้นลองตอบคำถามเหล่านี้ดู

ลูกค้าของคุณคือใคร?

ลูกค้าของคุณต้องการอะไร?

สินค้าและบริการของคุณแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร?

คุณทำการตลาดเมื่อไหร่และบ่อยครั้งขนาดไหน?

อีกหนึ่งปีนับจากนี้บริษัทของคุณควรเป็นอย่างไร?
การขอความเห็นเรื่องแง่มุมต่างๆเกี่ยวกับธุรกิจของคุณจะช่วยให้คุณเตรียมนโยบายการตลาดของตนเองขึ้นมาได้ รวมทั้งยังกำหนดเป้าหมายขึ้นมาได้ด้วย
ขั้นตอนที่ 3: ขอข้อมูลจากลูกค้าเดิมและว่าที่ลูกค้า
การที่จะทำตลาดกับลูกค้าจนประสบความสำเร็จ คุณต้องทำการศึกษาว่าลูกค้ามีความเห็นต่อสินค้า ราคา ตราสินค้า หรือบริการของคุณอย่างไรบ้าง รวมทั้งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ คุณต้องสอบถามลูกค้าเดิมและว่าที่ลูกค้าว่า พวกเขามีความเห็นต่อธุรกิจ สินค้า และบริการของคุณอย่างไร โอกาสในการขายสินค้าและบริการให้แก่คนเหล่านี้ รวมทั้งคู่แข่งด้วย คุณสามารถสอบถามพวกเขาได้ผ่านทางอีเมล์ โทรศัพท์ หรือไปรษณีย์บัตรการตลาดก็ได้ ส่วนสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆอาทิเช่นส่วนลดหรือสินค้าตัวอย่างก็จะช่วยให้ลูกค้าแสดงความเห็นได้ดีขึ้น
ขั้นตอนที่ 4: ร่างแผนงาน
ในตอนนี้คุณมีความเห็นจากลูกค้า และโครงร่างแบบคร่าวๆแล้ว ดังนั้นคุณจึงสามารถร่างแผนการตลาดขึ้นมาได้แล้ว คุณต้องเริ่มต้นทำข้อสรุปเกี่ยวกับจุดยืนและเป้าหมายวางการตลาดของคุณ และกำหนดว่าคุณคาดหวังที่จะทำอะไรสำเร็จบ้างในช่วงเวลาที่กำหนดเอาไว้
แผนการตลาดทั่วไปมักมีโครงสร้างดังนี้

สรุปตลาด

แนวโน้มการแข่งขัน

การเปรียบเทียบและจุดยืนของตัวสินค้า

นโยบายการสื่อสาร

นโยบายการเปิดตัว

บรรจุภัณฑ์และการสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้า

เมทริกซ์ความสำเร็จ

ตารางการทำตลาด
เมื่อมีแผนการทำตลาดอยู่ในมือแล้ว นั่นเท่ากับคุณมีโครงสร้างที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าต่อไปได้แล้ว
ขั้นตอนที่ 5: ติดตามผล และแก้ไขแผนงาน
การทบทวนแผนงานทุกๆ 6 สัปดาห์ช่วยให้คุณสามารถแยกแยะได้ว่าแผนงานสร้างผลลัพธ์อย่างที่คุณคาดหวังเอาไว้หรือไม่ คุณสามารถติดตามความก้าวหน้าได้โดยใช้สเปรดชีท ซึ่งคุณสามารถคำนวณมูลค่าในการทำตลาดและเปรียบเทียบกับยอดขายและเมทริกซ์อื่นๆได้
นอกจากนั้นคุณควรแก้ไขแผนงานเป็นประจำ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ส่วนบนของหน้า
สร้างขั้นตอนการขาย
ขั้นตอนการขายจัดเป็นเรื่องซึ่งเน้นไปที่ลูกค้าเป็นหลัก โดยทีมขายของคุณสามารถนำขั้นตอนนี้ไปใช้เพื่อสร้างฐานลูกค้า ดึงให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าอีก และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ขั้นตอนแต่ละชนิดมีกิจกรรมสำคัญจำนวนมาก และให้ผลลัพธ์ที่คาดเดาได้และวัดค่าออกมาได้
ถ้าหากคุณสงสัยว่าธุรกิจขนาดเล็กของคุณจำเป็นต้องมีขั้นตอนการขายอย่างเป็นทางการหรือไม่ให้คุณลองตอบคำถามเหล่านี้ดูก่อน

ลูกค้าของคุณเริ่มจู้จี้มากขึ้นกว่าในอดีตหรือไม่?

การหาลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้าเก่าๆเอาไว้เริ่มยุ่งยากมากขึ้นหรือไม่?

ในบางครั้งเมื่อมีโอกาสในการขายเกิดขึ้น พนักงานขายของคุณตอบโต้ไม่ทันท่วงทีหรือไม่?

พนักงานขายของคุณมีปัญหากับการรักษาภาพพจน์นักขายมืออาชีพอย่างต่อเนื่องหรือไม่?

ข้อมูลลูกค้าของคุณเป็นข้อมูลไม่ทันสมัยและกระจายเก็บเอาไว้ตามจุดต่างๆภายในบริษัทใช่หรือไม่?
การมีขั้นตอนการขายซึ่งได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีจะช่วยให้พนักงานขายของคุณแยกแยะลูกค้าใหม่ๆได้ดีขึ้น มองเห็นโอกาสในการขายสินค้าเพิ่มเติมได้ดีขึ้น ต่อรองและปิดการขายได้ดีขึ้น รวมทั้งยังมีขั้นตอนการติดตามผลหลังการขาย เพื่อตรวจสอบว่าลูกค้ามีความพึงพอใจหรือไม่อีกด้วย
นอกจากนั้นขั้นตอนการขายอย่างเป็นทางการยังช่วยให้คุณเข้าใจอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าแต่ละรายได้ดีขึ้น จัดสรรสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และมีข้อพิสูจน์ที่แสดงว่าสินค้าและบริการของคุณตรงกับความต้องการของลูกค้าแล้ว การมีขั้นตอนการขายที่แข็งแกร่งจะช่วยให้คุณประเมินโอกาสในการทำรายได้จากลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ตัวอย่างเช่นคุณสามารถเรียกดูข้อมูลรวมของลูกค้าทุกรายที่อยู่ในช่องทางการขายของคุณได้ โดยนำมาเทียบกับจุดยืนเรื่องคุณค่าเฉพาะของบริษัท รวมทั้งเทียบกับการแข่งขันในตลาด จากนั้นคุณสามารถนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาสร้างความสัพมันธ์กับลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ขั้นตอน 5 ชนิดซึ่งใช้กำหนดรูปแบบขั้นตอนการขายประกอบด้วย เข้าหาลูกค้าใหม่ๆ ประเมินลูกค้าใหม่เหล่านี้ ทำข้อเสนอขายสินค้าและบริการ อำนวยความสะดวกในการตัดสินใจของลูกค้า และตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าจะกลับมาทำธุรกิจซ้ำอีก แนวทางแต่ละขั้นตอนมีการดำเนินงานหลักๆหลายอย่าง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้และวัดผลออกมาได้
ขั้นตอนที่ช่วยให้พนักงานขายประสบความสำเร็จมีดังนี้ :

เน้นไปที่ปัญหาสำคัญทางธุรกิจที่ลูกค้าเผชิญอยู่

สร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า

ทำให้ลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้าและบริการที่มีจากบริษัทของคุณ
ขั้นตอนที่ 1: หาลูกค้าเป้าหมาย
ในขั้นตอนการขายขั้นตอนแรกนี้ พนักงานขายจะทำการแยกแยะลูกค้าเป้าหมายที่เหมาะสม ค้นหาโอกาสใหม่ๆจากฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม และแยกแยะความแตกต่างของตนจากคู่แข่ง การค้นหว่าที่ลูกค้าอาจทำได้หลายช่องทาง อาทิจากเครือข่ายความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิม การเข้าร่วมสัมมนาและการจัดนิทรรศการ การส่งสื่อการตลาดไปหาลูกค้า และการโทรศัพท์ไปหาเป็นต้น
ในขั้นตอนการขายขั้นตอนแรกนี้ พนักงานขายจะทำการแยกแยะลูกค้าเป้าหมายที่เหมาะสม ค้นหาโอกาสใหม่ๆจากฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม และแยกแยะความแตกต่างของตนจากคู่แข่ง การค้นหว่าที่ลูกค้าอาจทำได้หลายช่องทาง อาทิจากเครือข่ายความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิม การเข้าร่วมสัมมนาและการจัดนิทรรศการ การส่งสื่อการตลาดไปหาลูกค้า และการโทรศัพท์ไปหาเป็นต้น
ขั้นตอนที่ 2: ทบทวนความเหมาะสม
ในขั้นตอนนี้คุณและลูกค้าจะเริ่มทำความคุ้นเคยซึ่งกันและกัน คุณจะทำการประเมินโอกาสในการทำรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ารายนี้ เพื่อตัดสินใจว่าควรที่จะติดต่อกับลูกค้ารายนี้ต่อไปหรือไม่ ในขณะที่ลูกค้าจะประเมินว่าบริษัทของคุณสามารถสนองตอบต่อความต้องการของเขาได้หรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนนี้พนักงานขายของคุณจะต้องค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าออกมาให้ได้อย่างละเอียด จากนั้นทำการทบทวนว่าสินค้าและบริการของคุณสามารถสนองตอบต่อความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้หรือไม่
เป้าหมายของขั้นตอนนี้ก็คือการทำให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจของลูกค้าเดินหน้าทบทวนโซลูชันของคุณต่อไป
ขั้นตอนที่ 3: ยื่นข้อเสนอ
ในขั้นตอนนี้ ลูกค้ามักจะเหลือผู้ค้าให้พิจารณาอยู่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ดังนั้นผู้ค้าซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆจำเป็นต้องเตรียมตัวที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่รวดเร็วของลูกค้าให้ได้
เมื่อคุณมาถึงในตอนนี้ คุณต้องทำการสาธิตให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจของลูกค้าเห็นว่าคุณสามารถทำตามที่สัญญาเอาไว้ได้ คุณมีแผนการทดสอบสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าพอใจ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าคุณมีศักยภาพเพียงพอ รวมทั้งยังทำให้ลูกค้าและพนักงานขายมีความรู้สึกว่าตนเองได้ประโยชน์พอๆกันอีกด้วย
แผนการทดสอบจัดเป็นเครื่องมือสำคัญที่พนักงานขายต้องรับผิดชอบ ถ้าหากลูกค้าขายยอมรับแผนการทดสอบแล้ว นั่นเท่ากับพนักงานขายกำลังควบคุมขั้นตอนการขายอยู่ สาเหตุเนื่องจากลูกค้ามีโอกาสทำขั้นตอนการทดสอบกับผู้ค้าเพียงรายเดียว เนื่องจากลูกค้ามีเวลา ค่าใช้จ่าย และทรัพยากรที่จำกัด
เป้าหมายของขั้นตอนนี้ก็คือการสาธิตให้เห็นคุณค่าที่ธุรกิจของคุณสามารถมอบให้ลูกค้าได้ ผ่านทางแผนการทดสอบที่ครบถ้วนและประสบความสำเร็จ จากนั้นลูกค้าก็จะขอให้พนักงานขายทำใบเสนอราคามา
ขั้นตอนที่ 4: การตัดสินใจ
ในตอนนี้คุณใกล้ที่จะปิดการขายและเตรียมตัวฉลองได้แล้ว แต่โชคไม่ดีที่แผนงานและรายละเอียดต่างๆสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างเช่นพนักงานขายคนหนึ่งของคุณอาจจะลดราคาข้อเสนอขั้นสุดท้ายมากเกินไป จนทำให้คุณไม่อาจทำกำไรจากข้อตกลงนี้ได้ แต่ในทางกลับกันพนักงานขายสินค้าของคุณอาจจะไม่ยอมตกลงกับลูกค้า แม้ว่าถ้าหากมีของแถมเล็กๆน้อยๆบางอย่างก็ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและยอมซื้อสินค้าได้แล้ว เรื่องนี้คือความอ่อนไหวและความไม่แน่นอนของขั้นตอนนี้
เป้าหมายของขั้นตอนนี้ก็คือ การยื่นข้อเสนอที่ส่งผลดีต่อบริษัทของคุณและลูกค้าด้วย
ขั้นตอนที่ 5: ทำให้ลูกค้าหวนกลับมาซื้อสินค้าอีก
ขั้นตอนนี้จัดว่ามีความสำคัญต่อขั้นตอนการขายอย่างมาก ซึ่งหลังจากที่มีการลงนามในสัญญาหรือมีการจ่ายคอมมิชชันให้แก่พนักงานขายแล้ว คุณต้องส่งสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าตามที่สัญญาเอาไว้ พนักงานขายที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาวกับลูกค้าอย่างแท้จริงจะเข้าไปติดตามผล เพื่อดูว่าลูกค้าได้รับสิ่งต่างๆตามต้องการแล้วหรือไม่ ลูกค้าที่พอใจมักจะสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติมอีก รวมทั้งยังจะแนะนำลูกค้าใหม่ๆให้เราด้วย
ส่วนบนของหน้า
นำเอาขั้นตอนการขายไปใช้งานจริง
ขั้นตอนการขายที่จัดวางโครงสร้างเอาไว้เป็นอย่างดีและประเมินผลได้จะส่งผลดีต่อบริษัทของคุณอย่างมาก แต่บางครั้งพนักงานขายมักไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนปลง ดังนั้นถ้าหากคุณปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ก็น่าจะช่วยคุณได้
ฝ่ายบริหารสนับสนุนการใช้ขั้นตอนการขายแบบใหม่ เจ้าของบริษัทต้องแสดงให้ลูกน้องเห็นว่าตนเองพร้อมที่จะใช้ขั้นตอนการขายแบบใหม่ ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น พนักงานขายจะคอยจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าองค์กรตั้งใจจริงกับการใช้ขั้นตอนการขายแบบใหม่หรือไม่ (องค์กรบางแห่งจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่นำเอาขั้นตอนการขายแบบใหม่ไปใช้จนประสบความสำเร็จ) เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าของธุรกิจต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมกับขั้นตอนการขายแบบใหม่นี้แล้ว
ทำให้ขั้นตอนการขายสอดคล้องกับการทำงานของลูกค้า ขั้นตอนการขายของคุณควรสอดคล้องกับขั้นตอนการจัดซื้อของลูกค้า ซึ่งอาจอยู่ในรูปของบริษัทขนาดเล็กๆขายสินค้าให้แก่องค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ บริษัทขนาดเล็กขายสินค้าให้แก่บริษัทขนาดเล็กอื่นๆ หรือบริษัทขนาดเล็กและสินค้าให้แก่ผู้บริโภคเป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การขายที่ซับซ้อนส่งผลทำให้วงจรการขายมีขั้นตอนเพิ่มขึ้น คุณจำเป็นต้องปรับโมเดลเหล่านี้ให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของลูกค้า และแผนกขายของคุณเอง
ใช้แนวทางที่ชัดเจน การนำเอาขั้นตอนการขายแบบใหม่ไปใช้ไม่ใช่การทำงานเพียงขั้นตอนเดียว คุณจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆดังนี้
ถ้าหากต้องการให้พนักงานนำเอาขั้นตอนการขายไปใช้ได้ง่ายขึ้น คุณต้องมีขั้นตอนการวิจัย การนำไปใช้งานจริง การประเมินผล การแก้ไขแผนงาน และการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนที่ 1: การวิจัย
ทำการพูดคุยกับลูกค้า และแก้ไของค์ประกอบบางส่วนในขั้นตอนการขายที่ใช้ได้ผลกับพนักงานขายฝีมือดีของคุณเอง
ขั้นตอนที่ 2: การนำไปใช้งานจริง
จัดทำเอกสารเกี่ยวกับขั้นตอนการขายขึ้นมา จัดทำแบบฟอร์มหรือเท็มเพล็ตที่คุณต้องการให้พนักงานขายนำไปใช้ และให้ผลตอบแทนพิเศษเพื่อกระตุ้นให้มีการนำเอาขั้นตอนการขายแบบใหม่ไปใช้
ขั้นตอนที่ 3: การประเมินผล
ตรวจสอบดูว่าขั้นตอนการขายของคุณมีอะไรที่ใช้ไม่ได้ผลบ้าง โดยการสอบถามความเห็นจากลูกค้า ตัวอย่างเช่น ขั้นตอนการขายแบบใหม่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้นหรือไม่? ลูกค้าจะนำเอาปมเด่นของคุณไปบอกต่อหรือไม่? คุณได้ลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นหรือไม่? ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อสินค้าเพิ่มหรือไม่?
ขั้นตอนที่ 4: การแก้ไขแผนงาน
ขั้นตอนการขายของคุณต้องเป็นเครื่องมือที่ปรับแต่งได้ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับขั้นตอนการจัดซื้อของลูกค้า รวมทั้งยังตองมีการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับพนักงานและวัฒนธรรมภายในองค์กรของคุณด้วย คุณจำเป็นต้องพิจารณาแนวโน้มและข้อมูลที่อยู่ในเมทริกซ์ขั้นตอนการขาย และมีการทบทวนขั้นตอนการขายเป็นประจำ เพื่อทำการปรับปรุงขั้นตอนการขายให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนที่ 5: การสนับสนุนจากฝ่ายบริหารอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงแรกๆ ขั้นตอนการขายมักจะก่อให้เกิดความไม่แน่ใจและงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นพนักงานจึงมักจะจับตาฝ่ายบริหารอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าฝ่ายบริหารยังมั่นใจกับขั้นตอนการขายแบบใหม่นี้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้เจ้าของบริษัทและผู้จัดการฝ่ายขาย (โดยปกติมักจะเป็นคนๆเดียวกัน) จะต้องออกมาสนับสนุนและบังคับใช้ขั้นตอนการขายแบบใหม่ในทุกโอกาส
ส่วนบนของหน้า
ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์
การคอยติดตามการสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งเป็นสวนหนึ่งในขั้นตอนการขายและการตลาดของคุณจัดเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากอย่างมาก อย่างไรก็ตามเครื่องมือต่างๆของไมโครซอฟท์ที่ผู้ใช้คุ้นเคยเป็นอย่างดีจะช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและโอกาสในการขายมาอยู่ในที่เดียวกันได้ แม้ว่าคุณมีงบประมาณที่จำกัดก็ตาม เนื้อหาในช่วงต่อไปเป็นวิธีการบางอย่างที่คุณสามารถนำเอาเทคโนโลยีมาสนองตอบต่อความต้องการในการขายและการทำตลาดของคุณได้
Microsoft Office Small Business Edition 2003
เวอร์ชันนี้ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนานเล็กโดยเฉพาะ โดยตัวคุณและพนักงานของคุณสามารถทำงานดังต่อไปนี้ได้
บริหารข้อมูลของลูกค้าจากจุดเดียว การคอยบันทึกข้อมูลและการสื่อสารกับลูกค้าจัดเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างมาก แต่โปรแกรม Microsoft Office Outlook 2003 with Business Contact Manager (BCM) จะช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับลูกค้าและการขาย (ข่าวสารอีเมล์ การนัดหมาย บันทึกย่อ เอกสาร ฯลฯ) เอาไว้ในจุดเดียวกัน วิธีการนี้จะช่วยให้คุณและพนักงานมองเห็นข้อมูลและการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน นอกจากนั้นคุณยังสามารถสร้างรายงานรูปแบบเฉพาะของคุณเองขึ้นมาได้โดยง่าย เพื่อช่วยให้คุณติดตามผลการขายตั้งแต่ตอนที่ติดต่อกับลูกค้าเป็นครั้งแรกไปจนถึงปิดการขายได้ ดังนั้นคุณจะใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลน้อยลง และหันไปใช้เวลากับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
สร้างสื่อการตลาดราคาประหยัด บริษัทของคุณอาจมีงบทำตลาดที่จำกัด แต่โปรแกรม Microsoft Office Publisher 2003 จะช่วยให้คุณใช้เวลาและงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการสร้างสื่อการตลาดรูปแบบเฉพาะตัวของคุณขึ้นมา จากนั้นเครื่องมือออกที่ใช้งานง่าย เทมเพล็ตที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ และคุณสมบัติต่างๆที่คุณคุ้นเคยใน Office ยังจะช่วยให้คุณสร้างผลงานที่น่าประทับใจออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งานจากพีซี งานที่ต้องส่งไปโรงพิมพ์ อีเมล์ หรือใช้ในเว็บก็ตาม
ทำงานอย่างเป็นระเบียบ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อช่วยให้ตนเองทำงานอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น โปรแกรม Microsoft Office Small Business Edition 2003 มีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณและพนักงานทำงานประจำวันได้มากขึ้นกว่าเดิม ตัวอย่างของงานที่คุณทำได้ประกอบด้วยการใช้ระบบป้องกันเมล์ขยะที่ทำให้อินบอกซ์ของคุณลดความอัดความแออัดยัดเหยียดลง การเก็บข่าวสารโดยแบ่งออกเป็นโฟลเดอร์ และการใช้ธงกำกับข่าวสารจะทำให้คุณเรียกใช้ข่าวสารที่ต้องการได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาในขณะที่คุณทำงาน ซอฟต์แวร์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้คุณเรียกใช้ไฟล์กู้ข้อมูลได้โดยง่าย หรือใช้คุณสมบัติเซฟอัตโนมัติในขณะที่คุณทำงานอยู่ก็ได้
Microsoft CRM
ถ้าหากคุณต้องการเรียกใช้ข้อมูลของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม คุณควรทำการทบทวนดูว่าซอฟต์แวร์บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (customer relationship management -CRM) จะช่วยอะไรคุณได้บ้าง
ผสานขั้นตอนการขายและการบริการลูกค้าเข้าด้วยกัน พนักงานสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันได้โดยง่ายทั่วทั้งองค์กร แถมยังช่วยให้องค์กรของคุณมีขั้นตอนอัตโนมัติที่เหมือนกันทุกจุดอีกด้วย
ติดตามข้อมูลลูกค้าเก่าและใหม่ ซอฟต์แวร์ CRM ช่วยให้คุณบริหารข้อมูลที่มีอยู่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม แถมยังช่วยแยกแยะว่าที่ลูกค้ารายใดที่มีโอกาสมากกว่าในวงจรการขายอีกด้วย นอกจากนั้นวิธีการนี้จะช่วยให้คุณให้บริการลูกค้าได้เร็วขึ้น พนักงานเสียเวลาค้นหาข้อมูลลดลงและมีเวลาที่จะทำงานกับลูกค้าได้มากขึ้น แถมคุณยังเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นกว่าเดิมผ่านรายงานลูกค้านับสิบๆชนิด อาทิเช่นประวัติบัญชีและช่องทางการขายเป็นต้น โดยรายงานเหล่านี้ทำสำเร็จรูปเอาไว้แล้วและพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ทันที
จัดเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ที่ศูนย์กลางเพียงจุดเดียว ถ้าหากพนักงานของคุณไม่อาจให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของบริษัท หรือในกรณีที่แย่กว่าก็คือสูญเสียลูกค้าและยอดขายไปเลย แต่โปรแกรม Microsoft CRM ช่วยให้พนักงานขายของคุณเรียกใช้และแลกเปลี่ยนข้อมูลของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีเหมือนกันทุกครั้งที่ติดต่อกับบริษัทของคุณ
การใช้เทคโนโลยีซึ่งออกแบบมาสำหรับธุรกิจของคุณโดยตรงแบบนี้จะช่วยให้คุณบริหารและเรียกใช้ข้อมูลลูกค้าได้จากจุดเดียว เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น ทำการตัดสินใจได้ดีขึ้น รวมทั้งใช้เวลาและงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการทำกิจกรรมการตลาดด้วยตนเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีเขียนจดหมายการขายที่ประสบความสำเร็จ

สร้างแผ่นพับโดยใช้ Publisher

ขั้นตอน 6 ประการสำหรับบริหารรายชื่อลูกค้าอย่างเหมาะสม
ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ

Microsoft Office Small Business Edition 2003

เปรียบเทียบ Office เวอร์ชันต่างๆ

Microsoft Business Solutions CRM

ปรับปรุงผลผลิต

ส่วนบนของหน้า
คำแนะนคำแนะนำ
เทมเพล็ตสำเร็จรูปช่วยให้คุณเริ่มต้นทำแผนการตลาดได้ในทันที ซึ่งในชุดเทมเพล็ตนี้ยังมีตัวอย่างจดหมายและแบบฟอร์มต่างๆซึ่งคุณสามารถนำมาใช้กับขั้นตอนการขายของคุณได้ด้วย

อาหารไทย

1. ต้มยำกุ้ง [ Spicy Soup with Prawn and Lemon Grass ]

2. ผัดกะเพราไก่ [ Fried Chicken with basil leaves ]

3. แกงเขียวหวานไก่ [ Green Curry with Chicken่ ]

4. แกงเผ็ดเป็ดย่าง [ Red Curry with Roasted Duck ]

5. ผัดไทยกุ้งสด [ Stir-Fried Rice Noodle with Shrimp ]

6. ส้มตำ [ Papaya Salad ]

7. ทอดมันปลา [ Thai Fish Cakes ]

8. ต้มข่าไก่ [ Coconut Milk Soup with Chicken ]

9. พะแนงเนื้อ [ Beef Panaeng ]

10. ข้าวผัดกุ้ง [ Thai Fried Rice with Prawns ]

11. ไก่ผัดเม็ดมะม่วง [ Stir-Fried Chicken with Cashew Nuts ]

12. หมูผัดเปรี้ยวหวาน [ Sweet and Sour Sauce fried with Pork ]

13. ห่อหมกปลา [ Thai Steamed Curried Fish ]

14. หอยลายผัดน้ำพริกเผา [Stir-Fried Clams with Roasted Chili Paste]

15. หมูย่าง [ Thai Grilled Pork ]

16. แกงมัสมั่นเนื้อ [ Massaman Beef ]

17. ยำวุ้นเส้น [ Thai vermicelli Salad with Prawns ]

18. ปลาราดพริก [ Fried Fish with Tamarind Sauce ]

19. ผัดซิอิ๊วหมู [ Stir-Fried Ribbon Noodles with Pork ]

20. แกงจืดไข่น้ำ [ Fried Egg in Clear Soup ]



21. ปูผัดผงกะหรี่ [ Stir-Fried Crab Meat with Curry Powder ]

22. ไก่สะเต๊ะ+น้ำจิ้ม [ Chicken Satay with Cucumber Relish and Peanut Sauce ]

23. น้ำตกเนื้อ, ยำเนื้อย่าง [ Thai Grilled Beef Salad ]

24. เปาะเปี๊ยะทอด [ Thai Spring Roll ]

25. กุ้งกระเทียม [ Thai Garlic Prawns ]

26. ข้าวต้มกุ้ง [ Thai Rice Soup with Shrmip ]

27. ลาบหมู [ Ground Pork Salad ]

28. เสือร้องไห้ [ Grilled Marinated Beef with Spicy Dipping Sauce ]

29. ไข่ลูกเขย [ Sweet and Sour Eggs ]

30. แกงหน่อไม้ไก่ [ Red Curry with Chicken and Bamboo Shoots ]

31. ข้าวมันไก่ [ Thai Chicken Rice ]

32. ราดหน้าหมู [ Thai Noodle with Pork in Gravy ]

33. ผัดเปรี้ยวหวานกุ้ง [ Thai Sweet and Sour Shrimp ]

34. ปูจ๋า [ Fried Crab and Pork Stuffed Shells ]

35. ปีกไก่น้ำแดง [ Chicken Wings in Red Sauce ]

36. แกงส้มกุ้ง [ Hot and Sour Curry with Shrmips ]

37. น้ำพริกอ่อง [ Minced Pork with Tomato Sauce ]

38. ฉู่ฉี่กุ้ง [ Shrimp in Dried Red Curry ]

39. หมูพะโล้ [ Stewed Pork and Egg with Five Spices ]

40. น้ำพริกกะปิ + ปลาทูทอด [ Spicy Shrimp Paste and Fried Mackeral Fish ]

41. ปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา [ Stir-Fried Squid with Roasted Chili Paste ]

42. ไก่ห่อใบเตย [ Chicken Wrapped in Pandan Leaf ]

43. หมูผัดพริกขิง [ Stir-Fried Pork with Red Curry Paste ]

44. ไก่ย่าง [ Thai BBQ Chicken ]

45. ปลาหมึกผัดไข่เค็ม [ Stir-Fried Squid with Salted Egg Yolk ]

46. ไก่ผัดขิง [ Thai Ginger Chicken ]

47. ยำปลาหมึก [ Thai Squid Salad ]

48. ขาหมูพะโล้ [ Thai Stewed Pork Leg with Five Spices ]

49. แกงเลียงกุ้ง [ Thai Spicy Mixed Vegetable Soup with Prawns ]

50. ข้าวผัดสัปปะรด [ Thai Pineapple Fried Rice ]

51. โป๊ะแตกทะเล [ Thai Spicy and Sour Seafood Soup ]

52. กุ้งอบวุ้นเส้น [ Baked Prawns and Mung Bean Noodle ]

53. เนื้อผัดน้ำมันหอย [ Stir-Fried Beef with Oyster Sauce ]

54. ยำถั่วพู [ Thai Wing Bean Salad ]

55. ยำปลาดุกฟู [ Crispy Catfish with Green Mango Salad ]

56. หมูมะนาว [ Boiled Pork with Lime, Garlic and Chili Sauce ]

57. พล่ากุ้ง [ Thai Shrimp Spicy Salad ]

58. หอยแมลงภู่ผัดน้ำพริกเผา [ Stir Fried Green Mussels with Roasted Chili Paste ]

59. ไข่ดาวลูกเขย [ Sweet and Sour Fried Eggs ]

60. อาจาด + ซ๊อสถั่ว [ Cucumber Relish + Peanut Sauce ]



61. ผัดฉ่าทะเล [ Seafood Spicy Stir-Fry ]

62. ผัดกะเพรากุ้ง [ Fried Shrimp with Basil Leaves ]

63. ผัดผักบุ้ง [ Stir-Fried Swamp Cabbage with Salted Soya Bean ]

64. ยำหอยแครง [ Spicy Cockle Salad ]

65. กุ้งราดซ๊อสมะขาม [ Fried Shrmip with Tamarind Sauce ]

66. ทอดมันกุ้ง [ Thai Shrimp Cakes ]

67. เกี๊ยวทอด [ Thai Fried Wonton ]

68. ข้าวหมูแดง [ Thai Red BBQ Pork with Rice ]

69. ปลาหมึกย่าง [ Thai Grilled Squid ]

70. ถุงทอง [ Thai Money Bag ]

71. พะแนงหมู [ Pork Panaeng ]

72. ปลานึ่งพริกมะนาว [ Steamed Fish with Lime, Garlic and Chili Sauce ]

73. ปลานึ่งซิอิ๊ว [ Steamed Fish in Soy Sauce ]

74. ต้มมะระยัดไส้หมูสับ [ Stuffed Bitter Gourd in Clear Soup ]

75. ไข่เจียวหมูสับ [ Thai Style Pork Omelette ]

76. ปลาทอดน้ำปลา [ Fried Fish with Fish Sauce ]

77. ผัดเต้าหู้หมูสับ [ Stir Fried Tofu and Pork with Black Bean Sauce ]

78. ไก่ตุ๋นซ๊อสขิง [ Stewed Chicken with Ginger Sauce ]

79. ไข่ตุ๋น [ Thai Steamed Egg ]

80. เนื้อแดดเดียว [ Thai Fried Sun-Dried Beef ]

81. ตับหวาน [ Thai Spicy Liver Salad ]

82. หอยทอด [ Thai Fried Mussels with Egg ]

83. ซี่โครงหมูอบซ๊อสมะเขือเทศ [Baked Pork Spare Rib with Tomato Sauce]

84. ยำผักกระเฉด [Thai Spicy Water Mimosa Salad]

85. ฉู่ฉี่ปลาทู [Mackerel in Dried Red Curry]

86. ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง [Baked Pork Spare Rib with Honey]

87. แกงคั่วสัปปะรดหอยแมลงภู่ [Green Mussels Curry with Pineapple]

88. หมูผัดขิง [Stir Fried Pork with Ginger]

89. ต้มยำไก่ [Chicken Tom Yum]

90. ตับหมูผัดพริกไทยดำ [Stir Fried Pork Liver with Black Peppercorn]

91. ผัดคะน้าปลาเค็ม [Stir Fried Chinese Kale with Salted Fish]

92. หมูผัดน้ำมันหอย [Stir Fried Pork with Oyster Sauce]

93. ส้มตำผลไม้ [Thai Fruit Spicy Salad]

94. แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน [Hot and Sour Curry with Fish]

95. ข้าวผัดปู [Thai Fried Rice with Crab]

96. เต้าเจี้ยวหลน [Soya Bean Dipping Sauce]

97. ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ [Stir Fried Crispy Basil with Pork and Black Preserved Eggs]

98. ผัดฟักทองหมู [Stir fried Pumpkin with Pork]

99. น้ำพริกหนุ่ม [Thai Chili Dipping Sauce : Northern Style]

100. ผัดหน่อไม้กุ้ง [Stir fried Prawns with Asparagus]

101. ผักชุบแป้งทอด [Tempura vegetable]

102. ผัดเขียวหวานไก่ [Stir fried Chicken with Green Curry Paste]

103. ยำไส้กรอก [Thai Spicy Sausage Salad]

104. ผัดวุ้นเส้น [Stir fried mung bean noodle]

105. ไก่ผัดพริก [Stir fried Chicken with Green Peppers]

106. น้ำพริกกุ้งสด [Thai Chili and Shrimp Dipping Sauce]

107. ผัดคะน้าน้ำมันหอย [Stir fried Chinese Kale with Oyster Sauce]

108. แกงป่าหมู [Jungle Curry with Pork]

109. ปลาผัดขึ้นฉ่าย [Stir fried Fish with Chinese Celery]

110. ต้มโคล้งปลากรอบ [Sour and Spicy Smoked Fish Soup]

111. หมี่กะทิ [Stir fried Rice Noodle with Coconut Milk]

112. เต้าหู้ทรงเครื่อง [Thai Rich Tofu]

113. แกงจืดลูกรอก [Thai Clear Soup with Look-Rok]

114. ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง [Rich Noodle Paste with Bean Sprout]

115. ข้าวผัดซ๊อสมะเขือเทศ [Fried Rice with Tomato Sauce]

116. ข้าวตังหน้าตั้ง [Crispy Rice with Coconut Dipping Sauce]

117. เส้นใหญ่ผัดขี้เมาทะเล [Stir Fried Spicy Noodles with Seafood]

118. ปูอบวุ้นเส้น [Baked Crabs with Mung Bean Noodle]

119. ต้มยำขาหมู [Spicy Soup with Pork Leg and Lemon Grass]

120. ปีกไก่ยัดไส้ [Stuffed Chicken Wings]

121. ผัดมักกะโรนีกุ้ง [Stir Fried Maccaroni with Shrimp]

122. สลัดไข่น้ำข้น [Thai Egg Salad]

123. ปลาช่อนลุยสวน [Fried Fish with Mixed Herb]

124. ต้มจืดเต้าหู้สาหร่าย [Soup with Tofu and Seaweed]

125. ขาหมูพะโล้ทอด [Deep Fried Pork Leg]

126. ยำกุ้งฟู [Crispy Shrimp with Green Mango Salad]

127. ขนมจีนน้ำยา [Noodle in Fish Curry Sauce]

128. ขนมจีนน้ำยาป่า [Noodle in Fish and Anchovy Curry Sauce]

129. สลัดกุ้งทอด [Fried Shrimp Salad]

130. หมี่กรอบ [Crispy Rice Noodle with Shrimp and Pork]

131. ข้าวผัดแหนม [Thai Fried Rice with Sour Pork]

132. ไก่ผัดตะไคร้ [Stir Fried Chicken with Lemongrass]

133. ต้มแซ่บเนื้อ [Thai Hot Soup with Beef]

134. กากหมูผัดพริกขิง [Stir fried crisped pork fat with red curry paste]

135. ยำปลาทู [Thai Mackerel Salad]

136. ยำผักบุ้งกรอบ [Crispy Swamp Cabbage Salad]

137. เนื้อตุ๋น [Thai Stewed Beef]

138. พล่าปลาหมึก [Thai Squid Spicy Salad]

139. แกงจืดกะหล่ำปลี [Soup with Cabbage and Minced pork]

140. ผัดหัวไชโป๊ [Stir fried Salted Radish with Pork]

141. ฉู่ฉี่ปลาี [Fish in Dried Red Curry]

142. แกงเผ็ดปลาดุก [Red Curry with Catfish]

143. ผัดเส้นเซี่ยงไฮ้ [Thai Stir Fried Shanghai Noodle]

144. ปลาผัดเต้าซี่ [Stir fried Fish Fillet with Black Bean Sauce]

145. แกงกะหรี่ไก่ [Karee Curry with Chicken]

146. ผัดพริกแกงหมู [Spicy Stir-fried Pork with red curry paste]

147. ปลานึ่งบ๊วย [Steamed Fish with Pickled Plum]

148. หน่อไม้ผัดไข่ [Stir Fried Bamboo Shoots with Egg]

149. โจ๊กหมู [Rice Porridge with Pork]

150. ปลาเปรี้ยวหวาน [Sweet and Sour Fish]

151. ห่อหมกกุ้ง [Thai Steamed Curried with Prawn]

152. ยำคะ้น้ากุ้งสด [Thai Chinese Kale with Prawn Salad]

153. ปลานึ่งเต้าซี่ [Steamed fish with Black Bean Sauce]

154. ทอดมันข้าวโพด [Thai Pork and Corn Cake]

155. ล่าเตียง (หรุ่ม)

156. หอยจ๊อ

157. ข้าวหน้าไก่ [Rice with Chicken in Brown Sauce]

158. ปลาหมึกชุบแป้งทอด [Fried Crispy Squid]

159. กุ้งผัดฉ่า [Shrimp Spicy Stir Fry]

160. สปาเกตตีผัดขี้เมาทะเล [Stir fried Spaghetti with seafood]

161. กุ้งผัดพริกนมสด [Stir fried Shrimp with Red Curry Paste and Evaporated Milk]

162. กุ้งผัดไข่เค็ม [Stir f

ขนมไทย

. ขนมกล้วยบวดชี (Banana in Coconut Milk)

2. ขนมวุ้นกะทิ (Thai Coconut Jelly)

3. ข้าวเหนียวมะม่วง (Mango with Sticky Rice)

4. สังขยา (Thai Pandanus Custard)

5. ขนมทับทิมกรอบ (Water Chestnut with Syrub and Coconut Milk)

6. ขนมสังขยาฟักทอง (Thai Pumpkin Custard)

7. ขนมกล้วย ( Thai Steamed Banana Cake)

8. ขนมลูกชุบ (Green Peanut in Jelly)

9. ขนมหม้อแกง (ฺBaked Mung Bean Cake)

10. ขนมข้าวเหนียวดำ (ฺBlack Sticky Rice Pudding)

11. กล้วยทอด (Fried Banana)

12. ขนมเม็ดขนุน (Thai green peanut paste)

13. ขนมตะโก้ (Thai Pudding with Coconut topping)

14. ขนมทองหยอด (Egg yolk fudge balls cooked in syrup)

15. ขนมบัวลอย (Dumplings in coconut cream)

16. แกงบวดฟักทอง (Pumpkin in coconut milk)

17. ขนมฝอยทอง (Golden threads)

18. ขนมครองแครงกระทิ (Caramelized crisps in coconut cream)

19. ขนมเปียกปูน (Black coconut sweet pudding)

20. กล้วยเชื่อม (ฺBananas in Syrup)

21. ขนมถ้วย (Steamed Pandanus Cake)

22. ขนมเบื้อง (Crispy Pancakes)

23. ขนมอาลัว (Kanom A-Lua)

24. ขนมสาลี่ (Kanom Sa-Lee)

25. ขนมผิง (Kanom Ping)

26. ขนมชั้น (Kanom Chan)

27. ขนมปุยฝ้่าย (Kanom Pui-Fai)

28. ขนมครก (Kanom Krok, Coconut Rice Cake)

29. ขนมเทียน (Kanom Thien)

30. ขนมถังแตก (Pancake with Coconut)

31. ขนมน้ำดอกไม้ (Kanom Nam Dok Mai)

32. ขนมไข่นกกระทา (Kanom Kai Nok Kra Ta)

33. ขนมโตเกียว (Kanom Tokyo)

34. ขนมทองม้วน (Kanom Tong Muan)

35. ขนมทองหยิบ (Kanom Tong Yib)

36. ขนมมะพร้าวแก้ว (Sweet Coconut Ball)

37. ขนมสำปันนี (Kanom Sum Pun Nee)

38. ขนมโดนัท (Donut)

39. ขนมเค๊กกล้วยหอม (ฺBanana Cake)

40. ขนมเกสรลำเจียก (Kanom Kay Sorn Lum Jiak)



41. ขนมบ้าบิ่น (Kanom Ba-Bin)

42. ขนมเต้าส่วน (Kanom Tao-Suan)

43. ขนมลอดช่อง (Kanom Lod Chong)

44. ขนมไข่ (Kanom Kai)

45. ขนมรังผึ้ง (Thai Waffle)

46. ขนมขี้หนู (Kanom Kee-Noo)

47. ฟักทองเชื่อม (Pumpkins in syrup)

48. แกงบวดเผือก (Taro in coconut milk)

49. ข้าวเหนียวมูน (Thai sticky rice with coconut milk)

50. ข้าวเหนียวมูนหน้ากุ้ง (Kao Neaw Moon Na Koong)

51. ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง (Kao Neaw Moon Na Pla)

52. ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา (Sticky rice with thai custard)

53. ข้าวตูมะพร้าวอ่อน (Kamon Kao Too)

54. ขนมกลีบลำดวน (Kanom Kleeb Lum Duan)

55. วุ้นสังขยา (Thai Custard Jelly)

56. มันสำปะหลังเชื่อม (Cassavas in syrup)

57. สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน (Kanom Sakoo ma-prao)

58. ข้าวเหนียวเปียกลำใย (Sweet Sticky Rice with Longan)

59. ขนมวุ้นมะพร้าวอ่อน (Kanom Woon ma-pro)

60. ขนมถั่วแปบ (Kanom Tua Pab)

โรงเรียนวัดหัวกระบือ

ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา ...ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร ครู บุคลากร นักเรียน โรงเรียนวัดหัวกระบือ "...ข้าวที่ออกเป็นสีลักษณะนี้เป็นข้าวที่มีประโยชน์ อย่างข้าวกล้อง คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกัน เพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน ...มีคนบอกว่า คนจนกินข้าวกล้อง เรากินข้าวกล้องทุกวัน เรานี้ก็คนจน..." [พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่สื่อมวลชน วันที่ 18 พฤศจิกายน 2541]



หน้าแรก

ประวัติ

ผู้บริหาร : บุคลากร

ผลงานดีเด่น

ข้อมูลสารสนเทศ

แผนปฏิบัติราชการโรงเรียนวัดหัวกระบือ
กลุ่มสาระการเรียนรู้

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


3D :: สถานศึกษา 3D
























:: We love The King ::
:: We love Thailand ::

:: คนไทยรักกัน ::

:: สามัคคี คือ พลัง ::

เว็บไซต์สำหรับเยาวชน
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
โครงการอินเตอร์เน็ตสีขาวเพื่อเยาวชน
เสริมทักษะวิทยาศาสตร์
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
ดาราศาสตร์และอวกาศ
ประวัติศาสตร์ชาติไทย
ตามรอยรัชกาลที่ 4
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เมืองโบราณ
ประวัติศาสตร์ชาติไทย
เสริมทักษะศิลปะ ดนตรี
แหล่งสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ทางศิลปะในประเทศไทย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับดนตรีไทย
เพลงสำหรับเด็ก [Eng]
เสริมทักษะด้านภาษา
เรียนภาษาอังกฤษผ่านเว็บ
เรียนภาษาจีน วัฒนธรรมจีน
เรียนและหัดพูดภาษาญี่ปุ่นแบบใหม่
นันทนาการบันเทิง
การ์ตูนไทยออนไลน์
สร้างสรรค์ พัฒนาความคิด
นิทานพอเพียง
ประเพณีและวัฒนธรรม การละเล่นของไทย
ศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น
ประเพณีไทย
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)
วิถีไทย
เมืองล้านนา
นาฎศิลป์ไทย
มุมการศึกษา
คนรักษาศึกษา
วิชาการดอทคอม
สสวท.
ห้องสมุดการเกษตร
ข้อมูลการศึกษาต่อ ทุนการศึกษา
ชมรมเด็ก
อัจฉริยภาพทางการศึกษา
วรรณกรรม
ชุมชนนักเขียนของเมืองไทย
ชมรมนักอ่านสามเกลอ
เพศศึกษา
ชุมชนแห่งการเรียนรู้เพศศึกษา
คู่มือเลี้ยงลูกฉบับ Online

โรงเรียนในเขตบางขุนเทียน
โรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา
โรงเรียนวัดกก
โรงเรียนแก้วขำทับอุปถัมภ์
โรงเรียนวัดเลา
โรงเรียนวัดประชาบำรุง
โรงเรียนวัดท่าข้าม
โรงเรียนราชมนตรี
โรงเรียนวัดสะแกงาม
โรงเรียนวัดแสมดำ
โรงเรียนศาลเจ้า (ห้าวนุกูลวิทยา)
โรงเรียนวัดบางกระดี่
โรงเรียนวัดกำแพง
โรงเรียนวัดหัวกระบือ
โรงเรียนหมู่บ้านเกาะโพธิ์
โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์
โรงเรียนวัดบัวผัน


โรงเรียนวัดหัวกระบือ ยินดีต้อนรับ ผอ.มานะ มั่งมีทรัพย์


12 พฤศจิกายน 2553 | โดย โรงเรียนวัดหัวกระบือ


โรงเรียนวัดหัวกระบือ ::

โรงเรียนวัดหัวกระบือต้อนรับผู้อำนวยการคนใหม่ : ผู้อำนวยการมานะ มั่งมีทรัพย์

คลิกภาพเพื่อชมกิจกรรม







1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก หรือ World AIDS Day


1 ธันวาคม 2553 | โดย งานแนะแนว


โรงเรียนวัดหัวกระบือ :: แนะแนว

โรงเรียนวัดหัวกระบือ : องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี
เป็นวันเอดส์โลก หรือ World AIDS Day ซึ่งเริ่มครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2531 โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อของโรคเอดส์ และการเจ็บป่วยจากโรคเอดส์
2
เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
3
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
4
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับ และห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์
5
เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
คลิกภาพเพื่อชมกิจกรรม [กำลังดำเนินการ]


อ้างอิงข้อมูลจาก : http://hilight.kapook.com/view/31351






กิจกรรม "วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" 5 ธันวา 25553


4 ธันวาคม 2553 | โดย โรงเรียนวัดหัวกระบือ


โรงเรียนวัดหัวกระบือ :: คณะผู้บริหาร ครู บุคลากร นักเรียน โรงเรียนวัดหัวกระบือ

โรงเรียนวัดหัวกระบือ : คณะผู้บริหาร ครู บุคลากร นักเรียน โรงเรียนวัดหัวกระบือ พร้อมใจเฉลิมพระเกียรติสดุดี
วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวา มหาราชา

คลิกภาพเพื่อชมกิจกรรม [กำลังดำเนินการ]







เชิญร่วมทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2553
ณ วัดหัวกระบือ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150


5 ธันวาคมา 2553 | โดย ร.ร.วัดหัวกระบือ


โรงเรียนวัดหัวกระบือ :: วัดหัวกระบือ

ร่วมทำบุญตักบาตร : ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่ 5 ธันวาคม 2553 และในช่วงเย็นร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ในเวลา
19.29 น. พร้อมกันทั่วประเทศ ณ วัดหัวกระบือ แขวางท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
คลิกภาพเพื่อชมกิจกรรม [กำลังดำเนินการ]







กิจกรรมปลูกหญ้าแฝก ณ คลองสนามชัย


29 พฤศจิกายน 2553 | โดย ร.ร.วัดหัวกระบือ


โรงเรียนวัดหัวกระบือ ::

กิจกรรมปลูกหญ้าแฝก : นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการร่วมปลูกหญ้าแฝก
ณ คลองสนามชัย แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน ในวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2553

คลิกภาพเพื่อชมกิจกรรม [กำลังดำเนินการ]







ร.ร.หัวกระบือ ร่วมแข่งขันกีฬานักเรียน กทม.


25 - 29 พฤศจิกายน 2553 | โดย ร.ร.วัดหัวกระบือ


โรงเรียนวัดหัวกระบือ :ช่วงชั้นอนุบาล

ร.ร.วัดหัวกระบือ :

คลิกภาพเพื่อชมกิจกรรม [กำลังดำเนินการ]






10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ


10 ธันวาคม 2553 | โดย ร.ร.วัดหัวกระบือ


โรงเรียนวัดหัวกระบือ : งานวิชาการ

ฝ่ายวิชาการ : วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี
"ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าเจ้า
ไม่ยินยอมยกอำนาจ ทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใดคณะใดโดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด
และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของ ประชาราษฎร"



อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=533007





ติดต่อ webmaster : wathuakrabue.school@gmail.com

การค้าขาย

อยากค้าขายส่งสินค้า
อยากค้าขายส่งสินค้าของตนเอง เชิญที่กระทู้นี้ครับ 199 กระทู้
124 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย justapierce
ใน Re: แหล่งสินค้าขายส่งราค...
เมื่อ มีนาคม 03, 2011, 04:23:23 pm
อยากซื้อสินค้าขายส่ง
อยากซื้อสินค้าขายส่ง แต่หายังไงก็ไม่หาไม่เจอ ตั้งกระทู้สอบถามที่บอร์ดนี้ได้เลยครับ 17 กระทู้
7 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย kungred
ใน 24payturn‏ ขอแนะนำธุรกิจ...
เมื่อ มีนาคม 03, 2011, 04:04:17 pm
เทคนิคค้าขาย เทคนิคการหารายได้
สนทนาเกี่ยวกับการค้าขายสินค้า
สนทนาเกี่ยวกับการค้าขายสินค้าทั่วๆไป 13 กระทู้
5 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย pxx30
ใน Re: เบื่องานประจำอยากจะอ...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 26, 2011, 07:40:42 pm
เทคนิคการค้าขายสินค้า
รวบรวมเทคนิคการค้าขายสินค้าชนิดต่างๆ จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ 39 กระทู้
18 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย domain
ใน Re: แผนความสำเร็จของเจ้า...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 25, 2011, 09:58:30 pm
เทคนิคการหารายได้ผ่านอินเตอร์เน็ต
รวบรวมเทคนิคการหารายได้ผ่านอินเตอร์เน็ตจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ 25 กระทู้
11 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย coldstrom999
ใน Re: วิธีโปรโมทเว็บไซต์ให...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 21, 2011, 12:01:07 am
แนวทางการประกอบอาชีพ
ไอเดียหรือแนวทางการประกอบอาชีพ แนวทางการหารายได้เสริม 11 กระทู้
10 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย orbitthesum
ใน Re: อยากทำธุรกิจแต่ไม่มี...
เมื่อ มีนาคม 01, 2011, 10:13:13 am
ลงประกาศค้าขายฟรี
ค้าขายสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก
ค้าขายสินค้าทั่วไปที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ของเล่นเด็ก ฯลฯ 5 กระทู้
4 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย pxx30
ใน Re: ขายชิงช้าเด็กเล่น+สไ...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 26, 2011, 07:34:13 pm
ค้าขายสินค้าประเภทรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ รถจักรยาน
ค้าขายสินค้าประเภทรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ รถจักรยาน อะไหล่รถยนต์ ของตกแต่งรถมอเตอร์ไซต์ ฯลฯ 16 กระทู้
15 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย bannasolarcell
ใน ปั๊มน้ำใช้แบตเตอรี่รถยนต...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 25, 2011, 07:03:26 pm
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่่องนุ่งห่ม
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า กางเกง กระโปรง ฯลฯ 65 กระทู้
41 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย ultraman2
ใน ใครมีพุง เชิญทางนี้จ้า
เมื่อ มีนาคม 03, 2011, 05:45:41 pm
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่องประดับ กระเป๋า
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่องประดับ กระเป๋า นาฬิกา แว่นตา 86 กระทู้
20 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย ngaidai.com
ใน Re: พวงกุญแจไดโนเสาร์ รา...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 25, 2011, 09:56:21 am
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์ อุปกรณ์เสริมสวย อุปกรณ์เสริมความงาม 19 กระทู้
17 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย iconic
ใน ★★น้ำหอมของแท้★★จากOUTLE...
เมื่อ มีนาคม 01, 2011, 10:48:30 am
บอร์ดย่อย: ค้าขายสินค้าสุขภาพ
ค้าขายสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์
ค้าขายสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน 18 กระทู้
11 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย hinsai
ใน รับผลิตศิลปะงานหินทรายแต...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 28, 2011, 08:28:00 am
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณอิเล็คทรอนิกส์
ค้าขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณอิเล็คทรอนิกส์และอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า 28 กระทู้
24 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย bannasolarcell
ใน อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าพลังงานแ...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 25, 2011, 06:56:01 pm
ค้าขายสินค้าประเภทสัตว์เลี้ยง
ค้าขายสินค้าประเภทสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ 19 กระทู้
13 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย ่ีิิิjubbbjib
ใน เสื้อผ้าน้องหมาไซส์1และ2...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 06, 2011, 12:33:08 pm
ค้าขายสินค้าไอที คอมพิวเตอร์
ลงประกาศค้าขายสินค้าไอที คอมพิวเตอร์ 39 กระทู้
23 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย chwpegasus
ใน บริการติดตั้ง Linux All-...
เมื่อ วันนี้ เวลา 11:28:32 am
ค้าขายสินค้าประเภทอาหาร
ค้าขายสินค้าประเภทอาหาร อาหารสำเร็จรูป น้ำพริก ฯลฯ 47 กระทู้
29 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย perterpan
ใน Re: หาตึกเปิดโรงงานเค้กแ...
เมื่อ มีนาคม 03, 2011, 10:17:28 pm
ค้าขายสินค้าค้าประเภทของสะสม
ค้าขายสินค้าค้าประเภทของสะสม ของหายาก ลงประกาศฟรีที่บอร์ดนี้ครับ 12 กระทู้
5 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย ekkasitseo1
ใน Re: ค้าขาย โชคลาภ และเส...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 14, 2011, 09:11:00 pm
ค้าขายสินค้าเกี่ยวกับการเกษตร
ค้าขายสินค้าเกี่ยวกับการเกษตร ปุ๋ย ต้นไม้ เครื่องอุปกรณ์การเกษตรต่างๆ 4 กระทู้
4 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย Riyana
ใน เปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำ...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2011, 08:18:12 pm
ค้าขายสินค้าประเภทอื่นๆ
ค้าขายสินค้าประเภทอื่นๆ ถ้าไม่ตรงกับหมวดหมู่สินค้าใดๆ เชิญทางนี้ครับ 59 กระทู้
51 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย deawdai
ใน Wow!!!อยากลดน้ำหนัก อยาก...
เมื่อ กุมภาพันธ์ 28, 2011, 03:40:06 am
ข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจ วงการค้าขาย
ข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจ วงการค้าขาย
ข่าวสารเกี่ยวกับวงการธุรกิจ วงการค้าขาย และข่าวที่น่าสนใจรายวัน 4 กระทู้
2 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย megathiland
ใน Re: ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิ...
เมื่อ ตุลาคม 30, 2010, 05:00:25 pm
ร้องเรียน กฏหมายเกี่ยวกับการค้าขาย
ร้องเรียนเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการค้าขาย
ร้องเรียนเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการค้าขายทั้งจากผู้ค้าขายและผู้ซื้อสินค้า 0 กระทู้
0 หัวข้อ
กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย
รวบรวมกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย การเปิดร้าน 8 กระทู้
6 หัวข้อ กระทู้ล่าสุด โดย admin
ใน Re: วิธีการจดทะเบียนบริษ...
เมื่อ ตุลาคม 21, 2010, 03:44:02 pm

วันสำคัญพระพุทธศาสนา

วันมาฆบูชา : โ อ ว า ท ป า ฏิ โ ม ก ข์

ตรงกับวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ในปีอธิกมาส

เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณภายใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ พระองค์ประทับเสวยวิมุติสุขในเขตปริมณฑลนั้นเป็นเวลา ๗ สัปดาห์ จากนั้นจึงเสด็จไปโปรดคณะปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี » อ่านต่อ




วันวิสาขบูชา : ประสูติ - ตรัสรู้ - ปรินิพพาน
ตรงกับวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖

ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสา - ขบุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗ » อ่านต่อ




วันอัฏฐมีบูชา : วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
ตรงกับ วันแรม ๘ ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน ๖)

ความหมาย เนื่องด้วยอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) เป็นวันที่ถือกันว่าตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เมื่อถึงวันนี้แล้ว พุทธศาสนิกชนบางส่วน ผู้มีความเคารพกล้าในพระพุทธองค์ มักนิยมประกอบพิธีบูชา ณ ปูชนียสถานนั้น ๆ วันนี้จึงเรียกว่า "วันอัฏฐมีบูชา" » อ่านต่อ





วันอาสาฬหบูชา : พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา

ตรงกับวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘

วันอาสาฬหบูชา เป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา เพราะเป็นครั้งแรกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง พระธรรมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสชิ ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นผู้อุปฐากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาในครั้งนี้มีชื่อว่า "ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร" ซึ่งได้แก่อริยสัจ 4 ซึ่งหมายถึง ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว โกญฑัญญะ ก็สำเร็จพระโสดา รู้ตามกระแสพระธรรมของพระพุทธเจ้า ดังนั้นจึงนับได้ว่า วันนี้ เป็นวันแรกที่มีพระรัตนตรัยครบเป็นองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า นับเป็นวันแรกที่ พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา » อ่านต่อ





วันเข้าพรรษา

ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ จนถึง วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

ตั้งแต่สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงมีพระชนม์อยู่ ได้ทรงเสด็จ ไปยังทุกแห่งหน เพื่อสั่งสอนหลักธรรมอันประเสริฐ จนมีพุทธสาวกมากมาย โดยมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สุขแก่หมู่มวลมนุษย์โลก พระองค์ได้เสด็จไปยังถิ่นทุรกันดาร ในทุกฤดูกาล ต่อมา ปรากฏว่าในช่วงพรรษาหรือช่วงฤดูฝนได้มีผู้ร้องขอต่อพระองค์ว่าได้เกิดความเสียหาย แก่ข้าวกล้าเพราะถูกเหยียบโดยพุทธบริษัท ซึ่งไม่ได้เจตนา ดังนั้นพระองค์จึงออกพุทธบัญญัติกำหนดให้ พระสงฆ์ทุกรูป จำพรรษา เป็นหลักเป็นแหล่งในช่วงฤดูฝน โดยให้เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนกระทั่งถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 นับเป็น เวลา 3 เดือน ในวันเข้าพรรษานี้ จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายผ้าอาบน้ำฝนและจตุปัจจัยแก่ พระภิกษุ สามเณร รวมทั้งยังมีการ ถวายเทียนพรรษา แก่วัดอีกด้วย » อ่านต่อ




วันออกพรรษา

ตรงกับวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ » อ่านต่อ
หลังจากวันออกพรรษาแล้วมีประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธนิยมทำกันมากคือ การทอดกฐิน [รายละเอียด]





วันโกน - วันพระ
วันโกน คือ วันขึ้น ๗ ค่ำ กับ ๑๔ ค่ำ และแรม ๗ ค่ำ กับแรม ๑๔ ค่ำ ของทุก เดือน ( หรือ แรม ๑๓ ค่ำ หากตรง กับเดือนขาด ) ซึ่งเป็นวันก่อนวัน พระ ๑ วัน นั่นเอง

วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ คือ วันขึ้น ๘ ค่ำ กับ ๑๕ ค่ำ และ แรม ๘ ค่ำ กับแรม ๑๕ ค่ำ ของทุกเดือน(หากตรงกับเดือนขาด อาจเป็น แรม ๑๔ ค่ำ )» อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

สาระสนเทศ

องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศเป็นงานที่ต้องใช้ส่วนประกอบหลายอย่าง ในการทำให้เกิดเป็นกลไกในการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

นักเรียนลองนึกดูว่า ถ้าต้องการประมวลผลรายงานการเรียนของนักเรียนได้อย่าง ถูกต้อง รวดเร็ว ทันการ ระบบการจัดการสารสนเทศนั้น เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ประการแรกคือ บุคลากรหรืออาจารย์ประจำชั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบ หรืออาจารย์ผู้สอนแต่ละรายวิชา ประการที่สอง คือ หากมีการบันทึก ข้อมูลก็ต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานของอาจารย์เป็นขั้นตอนที่กำหนดไว้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เมื่อไร อย่างไร ประการที่สาม คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องช่วยให้การทำงานให้ผลรวดเร็ว และคำนวณได้แม่นยำถูกต้อง ประการที่สี่ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยทำให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ตามที่ต้องการได้ ประการสุดท้ายคือ ตัวข้อมูลที่เป็นเสมือนวัตถุดิบที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นสารสนเทศตามที่ต้องการ


ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบสารสนเทศมี 5 ส่วนคือ


1. ฮาร์ดแวร์(เครื่องจักรอุปกรณ)์

2. ซอฟต์แวร์

3. ข้อมูล

4. บุคลากร

5.ขั้นตอนการปฏิบัติงาน


ส่วนประกอบทั้งห้าส่วนนี้ทำให้เกิดสารสนเทศได้ หากขาดส่วนประกอบใด หรือส่วนประกอบใดไม่สมบูรณ์ ก็อาจทำให้ระบบสารสนเทศ ไม่สมบูรณ์ เช่น ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสมกับงาน ก็จะทำให้งานล่าช้า ไม่ทันต่อการใช้งาน การดำเนินการระบบสารสนเทศจึงต้องให้ความสำคัญ กับส่วนประกอบทั้งห้านี้

บุคลากร เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ จะเป็นผู้ดำเนินการ ในการทำงานทั้งหมด บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ บุคลากรภายในองค์กรเป็นส่วนประกอบที่จะทำให้เกิด ระบบสารสนเทศด้วยกันทุกคน เช่น ร้านขายสินค้าแห่งหนึ่ง บุคลากรที่ดำเนินการในร้านค้าทุกคน ตั้งแต่ผู้จัดการถึงพนักงานขาย เป็นส่วนประกอบที่จะทำให้เกิดสารสนเทศได้

ขั้นตอนการปฏิบัติ เป็นระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้เป็นสารสนเทศได้ เช่น กำหนดให้ มีการป้อนข้อมูลทุกวัน ป้อนข้อมูลให้ทันตามกำหนดเวลา มีการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องอยู่เสมอ กำหนดเวลาในการประมวลผล การทำรายงาน การดำเนินการ ต่าง ๆ ต้องมีขั้นตอน หากขั้นตอนใดมีปัญหาระบบก็จะมีปัญหาด้วย เพราะทุกขั้นตอนมีผลต่อระบบสารสนเทศ

เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผล คัดเลือก คำนวณ หรือพิมพ์รายงาน ผลตามที่ต้องการ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้รวดเร็ว มีความแม่นยำในการทำงาน และทำงานได้ต่อเนื่อง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบสารสนเทศ

ซอฟต์แวร์ คือลำดับขั้นตอนคำสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ซอฟต์แวร์ จึงหมายถึงชุดคำสั่งที่เรียง เป็นลำดับขั้นตอนสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ และประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ


ข้อมูล เป็นวัตถุดิบที่ทำให้เกิดสารสนเทศ ข้อมูลที่เป็นวัตถุดิบจะต่างกัน ขึ้นกับสารสนเทศที่ต้องการ เช่น ในสถานศึกษามักจะต้องการ สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนักเรียน ข้อมูลผลการเรียน ข้อมูลอาจารย์ ข้อมูลการใช้จ่ายต่าง ๆ ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งที่มีบทบาทต่อการให้เกิด สารสนเทศ

จำนวนผู้อ่าน : 5754 คน
พิมพ์หน้านี้ ชอบเรื่องนี้ แสดงความคิดเห็น แจ้

การทำซูชิ

มาทำข้าวซูชิกันครับ

วิธีทำ ข้าวซูชิครับ
ข้าวซูชิ 4 ถ้วย
Japanese rice vinegar 1/3 ถ้วย (น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น)
เกลือ 1 1/2 ชช.
น้ำตาลทรายป่น 1 1/2 ชต. (น้ำตาลทรายปกติให้เอาไปปั่นก่อนนะคะ จะได้ละลายง่ายขึ้นครับ)

วิธีทำ
1.ล้างข้าวด้วยน้ำสะอาด หุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าว
ก็เหมือนปกตินะครับ แต่ถ้าหุงข้าวด้วยหม้อ
ก็ให้แช่น้ำ 10 นาทีก่อนค่ะ แล้วตั้งหม้อให้เดือด
ซัก 2 นาที แล้วค่ะลดไฟลงมาต่ำ
หุงประมาณ 10-20 นาทีค่ะ
ใช้หุงแบบที่เราหุงข้าวปกตินะครับ

2.ช่วงที่หุงข้าวอยู่ให้ผสม น้ำส้มสายชู
เกลือ น้ำตาล ให้เข้ากัน

3.เมื่อข้าวสุกแล้ว ให้พักข้าวให้เย็น ซัก 10 นาที
ก่อนนะครับ ยกฝาหม้อออก แล้วใช้ คิทเช่นโรล
ปิดไว้แทนครับ ให้ตักข้าว ใส่อ่างไม้ หรือถ้วยใบใหญ่
เทน้ำส้มสายชูที่เราผสมแล้ว คนให้เข้ากัน
คนเบาๆๆนะครับ หลังจากนั้น ก็ใช้ผ้าขาวปิดไว้ครับ
ข้าวจะได้ไม่แห้ง





ใครอยู่อังกฤษ ซื้ออุปกรณ์ เครื่องปรุงได้ที่ Tesco, Waitrose ค่ะ ไม่แพงครับ


มาทำข้าวปั้นกันดีกว่าครับ




Hosomaki Sushi with Carrots and Cucumbers

ข้าวปั้นแครอทกับแตงกวาครับ

สูตรนี้ทำได้ 24 ชิ้นครับ

เครื่องปรุง
แครอท 1 หัวใหญ่
แตงกวา 1 หัว
สาเก หรือ น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น 3 ชต. (Janpanese rice wine)
น้ำเปล่า 2 ชต.
น้ำตาลทรายป่น 1/2 ชช.
เกลือ 1/4 ชช.
แผ่นสาหร่าย 2 แผ่น
ข้าวซูชิ 2 2/3 ถ้วย (ทำตามวิธีทำด้านบนนะครับ)
วาซาบิ 1 ชช.

ทานกับ ซีอิ้วขาว วาซาบิ ขิงดอง

ใช้เวลาทำ 30 นาที

วิธีทำ

ปอกแครอท หันเป็นชิ้นบาง ยาว หนา1/2 ซม. และแตงกวาด้วยนะครับ

ตั้งหม้อ ใส่สาแก(น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น) น้ำเปล่า 2 ชต.
น้ำตาล เกลือ ตั้งจนเดือด แล้วก็ใส่แครอทที่เราหั่นแล้ว
ปิดฝาไว้ 1 นาที แล้วก็ใส่แตงกวาลงไป จากนั้น
ก็ยกหม้อออกจากเตาครับ ตั้งให้เย็น และตักแครอท
แตงกวาออกจากหม้อ แล้วตักวางที่ คิทเช่นโรลนะครับ ซับให้แห้งครับ

ตัดแผ่นสาหร่ายครึ่งหนึ่ง วางบนแผ่นม้วนซูชิ
วางข้าวบนแผ่นสาหร่าย อย่าให้หนานะครับ จะม้วนยาก
แล้วทาวาซาบิลงไปตรงกลางของข้าว
และวางแครอท แตงกวา แล้ว ก็ม้วนจากด้านในตัวเรา
ออกไปนะครับ ไม่ยากเลยครับ ยกแผ่นไม้ไผ่ขึ้นนิดนึง
แล้วม้วนบีบเบาๆๆ ช่วงที่ม้วนก็ใช้มือบีบ ทั้งซ้าย
และขวาครับ แล้วก็ม้วน หมดเลยครับ


จากนั้นก็ใช้มีดที่คมกริบนะครับ มาหั่นข้าวปั้ครับ
ให้ทาน้ำส้มสายชูที่ เหลือจาก ต้มแครอทก็ได้นะครับ
จะได้หั่นง่ายขึ้น ข้าวไม่ติดมีดค่ะ(หรือผสมใส่ถ้วยไว้ก็ได้
ค่ะ เพราะเราจะทำข้าวปั้นอีกอย่างเวลาปั้นข้าวแล้ว
ข้าวจะไม่ติดมือครับ)

เสิร์ฟกับซีอิ้วขาว และวาซาบิค่ะ ลองทำดูนะคะไม่ยากครับ



อุปกรณ์ครับ














รูปวิธีทำจากเจ้าของต้นตำรับครับ

http://sushi-master.com/usa/index2.html

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ผีตายโหง

ผีตายโหง คือ คนที่เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน แบบไม่ธรรมดาตามธรรมชาติ เช่น ถูกยิง จมน้ำ รถชน ฆ่าตัวตาย เป็นต้น สำหรับการตายทั้งกลมก็ถือว่าเป็นการตายแบบตายโหงเช่นกัน
ผีตายโหงจะเป็นผีที่จิตตก เนื่องจากจิตสุดท้ายก่อนตายอารมณ์ยังติดอยู่กับความหวาดกลัว ความตกใจ ความอาฆาตแค้น ความอาลัยอาวรณ์ ตายทั้งที่ยังทำใจไม่ได้ วิญญาณจึงติดอยู่ในบ่วงแห่งอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้น ไม่สงบสุข เป็นวิญญาณทรมาน ไม่ยอมรับสภาพปัจจุบันของตัวเอง เลยยังคงเที่ยวปรากฏกายให้คนได้พบได้เห็น ยิ่งถ้าเป็นผีตายโหงที่ตายขณะยังมีความอาฆาตพยาบาทจะมีความดุร้ายเป็นพิเศษ
ผีตายโหงมักสิงสถิตอยู่กับที่ที่ตัวเองตาย (เช่น ผีเฝ้าถนน ตามโค้งร้อยศพ เป็นต้น) เมื่อมีคนมาตายแทนจึงจะไปผุดไปเกิดได้
เรื่องของโค้งร้อยศพนี้ สามารถสันนิษฐานได้ถึงปรากฏการณ์ของความคำนึงอันแรงกล้าที่หลงเหลืออยู่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครสักคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง และรู้สึกกระหายอยากดื่มน้ำมากๆ แต่มีคนมาเรียกให้ไปทำอย่างอื่นและต้องลุกไปเสียก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดื่มน้ำให้ชุ่มชื่นใจ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะดื่มน้ำจะยังคงหลงเหลืออยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น เมื่อมีคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นก็จะเกิดความรู้สึกกระหาย และอยากดื่มน้ำเป็นอันมากเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถอธิบายปรากฏการณ์โค้งร้อยศพได้ว่า ขณะที่ผู้ประสบอุบัติเหตุกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ตกใจ และทุรนทุรายนั้น ความรู้สึกอันแรงกล้าเฮือกสุดท้ายยังคงหลงเหลืออยู่ ณ บริเวณนั้น ดังนั้น เมื่อมีผู้ที่ผ่านมาหลังจากนั้นก็จะรับเอาความคำนึงอันแรงกล้าของผู้ตายมา ทำให้เกิดประสบอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน
[แก้]

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ที่ท่องเที่ยว

: ภาคเหนือ ::

กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
:: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ::

กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช) : บึงกาฬ : บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี
:: ภาคกลาง ::

กรุงเทพมหานคร : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
:: ภาคตะวันออก ::

จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง
:: ภาคใต้ ::

กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี

:: จองโรงแรม ::

บริการจองโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก ตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม กว่า 2,500 แห่งทั่วประเทศ ราคาพิเศษ! ลด 10-75% (ถูกกว่าท่านจองกับทางโรงแรมเอง)
Chiang Mai (เชียงใหม่) : Chiang Rai (เชียงราย) : Bangkok (กรุงเทพฯ) : Kanchanaburi (กาญจนบุรี) : Khao Yai (เขาใหญ่/ปากช่อง/โคราช) : Cha-Am (ชะอำ) : Hua Hin (หัวหิน/ปราณบุรี) : Pattaya (พัทยา/บางแสน) : Koh Samed (เกาะเสม็ด) : Koh Chang (เกาะช้าง) : Koh Mak (เกาะหมาก) : Koh Kood (เกาะกูด) :: Koh Tao (เกาะเต่า) : Koh PhaNgan (เกาะพะงัน) : Koh Samui (เกาะสมุย) : Phang-Nga (พังงา/เขาหลัก) : Krabi (กระบี่/อ่าวนาง) : Koh Phi Phi (เกาะพีพี) : Koh Lanta (เกาะลันตา) : Phuket (ภูเก็ต) : Rayong (ระยอง)

:: โรงแรม ที่พัก ตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ::

:: ที่พักเชียงใหม่ ::
- จีรัง เฮล์ท รีสอร์ท
- ตรีญาณรส โคโลเนียล เฮ้าส์
- บ้านท่าศาลา เอ็คซ์คลูซิฟ เรสซิเด้นท์
- บ้านเทวะ มนต์ตรา บูธิค รีสอร์ท
- บ้านแสนดอย
- ปานวิมาน เชียงใหม่ สปา รีสอร์ท
- รติลานนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่
- ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท
- วีรันดา เชียงใหม่
- สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท
- อยาตนะ แฮมเล็ต แอนด์ สปา
- เยสเทอเดย์ เดอะ วิลเลจ
- แมนดาริน โอเรียนเต็ล ดารา เทวี
- แอท นิมมาน
- แอท พิงนคร เชียงใหม่
- โรงแรม ดุสิต ดีทู เชียงใหม่
- โรงแรม ปุรีปัน เบบี้ แกรนด์ บูติค
- โรงแรม ยู เชียงใหม่
- โรงแรม ราชมรรคา เชียงใหม่
- โรงแรม อมารี รินคำ
- โรงแรม เชียงใหม่ ออร์คิด
- โรงแรม เซ็นทารา ดวงตะวัน เชียงใหม่
- โรงแรม โลตัส ปางสวนแก้ว

:: ที่พักหัวหิน/ชะอำ/ปราณบุรี ::
- วิลล่า มาร็อก ปราณบุรี
- อลีนตา รีสอร์ท ปราณบุรี
- ภูริมันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา
- บ้านลักษสุภา รีสอร์ท
- พุทธรักษา หัวหิน
- ยายย่า หัวหิน
- สุภัทรา หัวหิน รีสอร์ท
- ฟรานจิพานี่ รีสอร์ท หัวหิน
- อนันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา
- อาคา รีสอร์ท หัวหิน
- โรงแรม เรส ดีเทล หัวหิน
- หัวหิน มันตรา รีสอร์ท
- เดอะ ร็อค หัวหิน
- โรงแรม ดูน หัวหิน
- เล็ทซี หัวหิน อัลเฟรสโก รีสอร์ท
- โรงแรม เฮเว่น รีสอร์ท หัวหิน
- บราเซีย บีช รีสอร์ท
- วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ประเสบัน รีสอร์ท
- อลีลา ชะอำ

:: ที่พักเกาะช้าง ::
- กจาปุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา
- กุญชระบุรี รีสอร์ท สปา แอนด์ เซลลิ่ง คลับ
- คลองพร้าว รีสอร์ท
- ดุสิต ปริ๊นเซส เกาะช้าง
- บาราลี บีช รีสอร์ท
- ปานวิมานรีสอร์ท เกาะช้าง
- อมารี เอ็มเมอรัล โคฟ รีสอร์ท
- อัยยะปุระ รีสอร์ท แอนด์ สปา
- เดอะ เดวา เกาะช้าง
- เกาะช้าง ทรอปิคาน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา
- เกาะช้าง คชา รีสอร์ท แอนด์ สปา
- รีมาร์ค คอทเทจ รีสอร์ท
- เดอะ ชิลล์ เกาะช้าง
- อาน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา
- รามายานา เกาะช้าง รีสอร์ท แอนด์ สปา

:: ที่พักกระบี่ ::
- ไอแลนดา วิลเลจ รีสอร์ท
- เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า กระบี่
- อัญญาวี ทับแขก บีช รีสอร์ท
- เดอะ ทับแขก กระบี่ บูติก รีสอร์ท
- ปกาศัย รีสอร์ท
- กระบี่ ลา พลาญ่า รีสอร์ท
- นาคามันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา
- พาวิลเลี่ยน ควีนส์ เบย์
- เดอะ คลิฟ อ่าวนาง รีสอร์ท
- มารีไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท

:: ที่พักเชียงราย ::
- ดอยห่มฟ้า รีสอร์ท
- ดูดอยสวย รีสอร์ท
- คาทิลิยา เมาน์เทน รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ทีค การ์เด้นท์ สปา รีสอร์ท
- บ้านต้นน้ำ 31 (ดอยตุงลอด์จ)
- ภูใจใส รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ม่อนฟ้าใส รีสอร์ท
- สวนทิพย์วนา รีสอร์ท
- โกลเด้น ไทรแองเกิล พาราไดซ์ รีสอร์ท
- เดอะ มันตรินี่ บูติค รีสอร์ท
- โพธิ์วดล รีสอร์ท แอนด์ สปา
- โรงแรม ซีรีน แอท เชียงราย
- เดอะ เลเจ้นด์ เชียงราย บูติค ริเวอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา
- อนันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา โกลเด้นท์ ไทรแองเกิ้ล
- โกลเด้นท์ ไพน์ รีสอร์ท แอนด์ สปา
- เดอะ อิมพีเรียล โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล รีสอร์ท

:: ที่พักพัทยา ชลบุรี ::
- เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท
- การ์เด้น คลิฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา
- แอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน
- ราวินทรา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ลองบีช การ์เด้น พัทยา
- ฎ-ชฎาบีช รีสอร์ท บาย เดอะ ซี
- ปาล์ม โกรฟ รีสอร์ท
- มันตรา ปุรา รีสอร์ท
- อมารี ออคิด รีสอร์ท
- ชูการ์ ฮัท รีสอร์ท
- เอ-วัน พัทยา บีช รีสอร์ท
- วิว ทะเล วิลล่า
- โรงแรม เอวัน พัทยา
- แรบบิท รีสอร์ท
- โรงแรม แอล เค รอยัล สวีท
- เดอะ ไทด์ รีสอร์ท (บางแสน)

:: ที่พักเกาะเสม็ด ::
- ลิมา โคโค่ รีสอร์ท
- ทรายแก้ว บีช รีสอร์ท
- นิมมานรดี รีสอร์ท
- ปารดี รีสอร์ท แอนด์ สปา
- เลอ วิมาน คอตเท็จ แอนด์ สปา
- หมู่บ้านทะเล รีสอร์ท
- ลิมา เบลล่า รีสอร์ท
- แกรนด์วิว อ่าวช่อ ไฮด์อะเวย์ รีสอร์ท
- อ่าวพร้าว รีสอร์ท
- วงเดือน รีสอร์ท
- เสม็ด คลับ
- เสม็ด คาบาน่า รีสอร์ท
- เสม็ด แกรนด์ วิว รีสอร์ท
- มาลิบู การ์เด้น รีสอร์ท

:: ที่พักภูเก็ต ::
- กะตะ บีช รีสอร์ท
- กะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท
- กะรน บีช รีสอร์ท
- ซี เพิร์ล วิลล่า รีสอร์ท
- ทวินปาล์มส์ ภูเก็ต
- บุณฑริกา วิลล่า
- ลา ฟลอร่า รีสอร์ท ป่าตอง
- ดีวาน่า ป่าตอง รีสอร์ท & สปา
- ซีเครท คลิฟ รีสอร์ท แอนด์ เรสเตอรอง
- บุหลาส่าหรี รีสอร์ท
- เดอะ บาราย วิลล่า โดย สวัสดี วิลเลจ ภูเก็ต
- อิมเพียน่า รีสอร์ท ป่าตอง ภูเก็ต
- ซีวิว ป่าตอง
- โรงแรม เคปพันวา
- มาลิสา วิลล่า สวีท
- ป่าตอง พารากอน รีสอร์ท แอนด์ สปา
- อมันปุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ฮอริซอน ป่าตอง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา
- โรงแรม ไดมอนคลิฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา

:: ที่พักปาย ::
- บุระลำปาย รีสอร์ท
- บุหลัน บุรี รีสอร์ท ปาย
- บ้านกระทิง ปาย รีสอร์ท
- บ้านมินตรา รีสอร์ท โฮม @ ปาย
- โรงแรม โยมา ปาย
- โรงแรม เดอะ ควอเตอร์
- พริบตา บูติค รีสอร์ท
- เบลล์ วิลล่า รีสอร์ท ปาย
- มอนทิส รีสอร์ท
- ปาย เฮิร์บ รีสอร์ท
- ปาย คำ ไฮด์อเวย์ รีสอร์ท
- ภูปาย อาร์ท รีสอร์ท
- โรงแรม แอทปาย
- มาริปาย รีสอร์ท
- ปาย ฮอตสปริงค์ สปา รีสอร์ท

:: ที่พักเกาะกูด ::
- กัปตัน ฮุ๊ก รีสอร์ท
- ปีเตอร์ แพน รีสอร์ท
- ทิงเกอร์เบลล์ ไพรเวรี่ รีสอร์ท
- อเวย์ เกาะกูด โดย เซ็นทารา บูติค คอลเลคชั่น
- เกาะกูด อ่าวพร้าว บีช รีสอร์ท
- เกาะกูด ฮอลิเดย์ คอทเทจ รีสอร์ท
- เกาะกูด คาบาน่า
- เกาะกูด อิน เลิฟ

:: ที่พักเกาะหมาก ::
- กู้ด ไทม์ รีสอร์ท
- พลับพลา เกาะหมาก รีทรีท
- มากะธานี รีสอร์ท
- เกาะหมาก อ่าวขาว รีสอร์ท
- เกาะหมาก โคโคเคป รีสอร์ท
- เลซี่เดย์ เดอะ รีสอร์ท
- เดอะ ชินนาม่อน อาร์ต รีสอร์ท แอนด์ สปา

:: ที่พักกาญจนบุรี ::
- มนต์เสน่ห์ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา
- ริเวอร์ แคว รีโซเทล
- คำแสด ริเวอร์ แคว รีสอร์ท
- บูติค ราฟท์ รีสอร์ท
- ผึ้งหวาน รีสอร์ท แอนด์ สปา แควใหญ่
- พาวิลเลี่ยน ริมแคว รีสอร์ท
- รายาบุรี รีสอร์ท
- หินตกริเวอร์แคมป์ แอท เฮลล์ไฟร์พาส
- รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา

:: ที่พักเกาะสมุย ::
- คีรีคายัน บูติค รีสอร์ท
- คีรีคายัน ลักชูรี่ พูลวิลล่า & สปา
- บุรี รสา วิลเลจ
- ชบา คาบาน่า บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา
- บ้านท้องทราย เบย์
- ซาเซ็น บูติก รีสอร์ท แอนด์ สปา
- พาวิลเลี่ยน สมุย บูติค รีสอร์ท
- ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท
- เดอะ บริซา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา
- เดอะ สราญ
- ลาวาน่า รีสอร์ท
- วิลล่า ทะนาเมร่า
- เดอะ ไลบรารี่
- เมือง กุเรปัน
- เมือง สมุย วิลล่า แอนด์ สวีท
- แลงแฮม เพลส สมุย แอท ละไม บีช
- ชาซ่า รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนท์ เกาะสมุย
- สารีรายา วิลล่า แอนด์ สวีท
- ไม้ สมุย บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา
- บ้านสบาย ซันเซ็ท บีช รีสอร์ท
- บ้านหาดงาม บูติค รีสอร์ท แอนด์ สปา

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การแต่งตัว

วัยรุ่นสมัยนี้มีการแต่งตัวกันมากมาย

หลากหลายรูปแบบ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้าง

เริ่มจากที่ฮิตที่สุดในตอนนี้...




1.เกาหลี (Korea)

ตอนนี้กระแสเกาหลีกำลังมากแรง

ไม่ว่าจะเป็นไอดอล เพลง ไม่เว้นแต่เสื้อผ้า

เสื้อผ้าเกาหลีจะออกแนว เรียบแต่ดูดี มีทุกสัสัน

ใส่ได้ทุกงาน กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุด






2.ญี่ปุ่นฮาราจุกุ (Japan)

เป็นแนวการแต่งตัวที่แอ็บแบ๊วมากที่สุด

หรือแนวๆ คอสเพลย์แบบญี่ปุ่นๆ

คิดว่าหลายๆ คนคงชอบค่ะ





3.Gankuro

สาวๆ จะนิยมทาหน้าทาตัวให้ดำ และย้อมผมสีทอง ใส่ไมโครสเกิร์ตและรองเท้าบูต ซึ่งเราจะเรียกว่า แฟชั่น Gankuro-หน้าดำ ซึ่งนับว่า เป็นแฟชั่นที่หลุดโลกมากทีเดียว


4.พั้งก์ (Punk)

เด็กพั้งก์มักไม่อยู่คนเดียว ส่วนใหญ่จะอยู่เป็นกุล่ม

ซึ่งกลุ่มเด็กพั้งก์ที่ว่านี้มีหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นพั้งก์ร็อค อีโมพั้งก์

พั้งก์เมทอล พั้งสกา พั้งสเก็ต และอีกสารพัดพั้งก์ แต่งตัวส่วนใหญ่เน้นสีดำ ทาเล็บ ปากสีดำ

ใส่เสื้อแจ๊คเก็ต กางเกงขารู๊ดรัดปลายขา รองเท้าหนัง

บางกลุ่มยัดปลายกางเกงไว้ในรองเท้า เครื่องประดับเน้นทำมาจากเหล็กสีเงิน

ออกแนวดุ โหด

มีสองประเภทคือพั้งค์แบบออริจินอล (แบบฝรั่งอ่ะ) แล้วก็ U.K.Punk (พั้งค์แบบญี่ปุ่น)


U.K.Punk




พั้งแบบฝรั่งค่ะ (โหดกว่าเยอะ)






5.Emo

คล้ายๆ พังค์แต่จะไม่เวอร์มาก

คล้ายเด็กแมค นิยมทาขอบตาเป็นสีดำ

เจาะตามร่างกาย เช่น จมูก ปาก (บลาๆๆๆ)

ใส่เสื้อยืคสกีนโหดๆ อาร์ตๆ เข็มขัดหัวหมุด รองเท้าผ้าใบ

ทำผมข้างหลังให้ฟูมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนผมข้างหน้าทำให้ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

*เหมาะสำหรับคนผิวขาวมากๆ ถึงมากที่สุด







6.เด็กบอร์ด,เด็กฮิป (Hiphop)

เด็กแนวนี้จะใส่เสื้อและกางเกงตัวใหญ่ๆ ขาสามส่วน จะชอบเพลงแนวฮิปฮอป

ไปไหนก็มักไปกันเป็นกลุ่ม









7.เด็กอินดิเพนเด้นท์ (Indy)

ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากๆ ออกแนวย้อนยุค (บางคนเอาเสื้อยายมาใส่ยังมี)

ตรงตัวเลยคือแต่งตัวต้องไม่ซ้ำแบบใคร จุดเด่นของแนวนี้เน้นเสื้อสีแป๋นๆ สดๆ

ลายเสื้อและกางเกงเป็นเส้นขวางตัดไขว้ไปไขว้มา สุดท้ายต้องใส่แว่นตาสีสดๆ

หรือแว่นตาไม่เลนส์ที่เรียกกันว่าแว่นเด็กเนิร์สนั่นเอง









8.โบฮีเมียน (Bohemian)

แนวนี้อาจไม่ค่อยฮิตมากในหมู่วัยรุ่น

เสื้อผ้าจะออกเป็นแนวยิปซี หมอดู แบบคล้ายๆ ปาร์มมี่อ่ะค่ะ

ปล่อยผ้ายาวๆ ดัดลอนเล็ก ชุดมีลวดลาย สีสันสวยงาม

เครื่องประดับมากๆ จำพวก กำไล สร้อยข้อเท้า

ส่วนใหญ่จะนิยมในพวกเด็กอาร์ต เด็กติสค่ะ









9.เด็กแมค

เด็กแมคนับเป็นแนวที่กำลังมาแรงที่สุด

ซึ่งเด็กแนวนี้จะเลียนแบบการแต่งตัวของชาวเม็กซิกันสมัยก่อน ตัดผมสั้นเกรียน

ที่สำคัญต้องห้อยสร้อยไม้กางเขน เสื้อตัวใหญ่ๆ สกรีนรูปโหดๆ อย่างกระโหลกไขว้

สวมถุงเท้าให้ตึงจนถึงเข่า นุ่งกางเกงตัวโคร่ง แถมใส่แว่นดำในเวลากลางคืน




10. สกาเร็กเก้

แนวนี้ส่วนใหญ่จะแต่งเอาแนวอ่ะค่ะ

เน้นสี เขียว เหลือง แดง เท่านั้น

ผมฟูๆ สีดำ หรือ น้ำตาล

ส่วนใหญ่จะแต่งกันเฉพาะคนผิวดำ




-----------------------------------------



**เรามาดูแนวการแต่งตัวแบบนอกขอบเขต (ที่มีอยู่มากในประเทศไทย) บ้างดีกว่า **


11.เด็กเซอร์

คือพวกที่ชอบทำตัวเซอร์ๆ แต่งตัวเซอร์ๆ ที่เด่นสุดคือกางเกง
จะเป็นกางเกงยีนส์ที่ใส่บ่อยๆจนเก่า+ริ้วขึ้น ประมาณว่ายิ่งเก่าจะยิ่งเซอร์

ที่สวนจตุจักรจะมีร้านขาย-รับ อยู่หลายร้าน ยิ่งเก่าได้เท่าไหร่ก็มีราคามากขึ้นเท่านั้น

ส่วนรองเท้าเด็กเซอร์จะนิยมใช้converse ที่มันเก่าๆขาดๆ เสื้อก็เสื้อยืดธรรมดา การแต่งตัวจะตรงกับชื่อคือ "เซอร์"


12.เด็กแซป

ลักษณะเด่นๆ ของเด็กแนวอย่างเด็กแซป คือทรงผมดูยุ่งๆ ปาดหน้า

ใส่เสื้อตัวเล็กรัดรูป หรือใส่เสื้อเชิ้ตมีลายพร้อย นุ่งกางเกงขาเดฟ

หรือกางเกงลายทหาร ถุงเท้าขาวดึงขึ้นสูง รองเท้าต้องผ้าใบยี่ห้อคอนเวิร์ส

ออสตาร์ หรือแจ็คพาเซล บางครั้งใส่เสื้อทับสีดำ

และเสื้อข้างในสีส้มหรือเสื้อทหารลายพลาง นุ่งกางเกงฟุตบอล ใส่รองเท้าคีบ

ถ้าเป็นผู้หญิงจะซอยผมด้านบนให้สูงๆ สั้นๆ แต่ยังคงความยาวไว้ และเรียกว่า

"สก๊อย" หรือ "เลดี้แซป" เป็นพวกเดียวกับเด็กแซป นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอกสีชมพู

เสื้อสีขาวตัวเล็ก ใส่รองท้าหูคีบ



13.เด็กเทส,เด็กแว้น,เด็กแป๊น

"เด็กเทส" หรือ "เด็กแว้น" "เด็กแป๊น" มาจากเสียงเวลาบิดมอเตอร์ไซค์

ชอบทำเครื่องยนต์ใหม่ให้มีเสียงดัง และแรงเวลาบิดทีก็ทำให้ชาวบ้าน

ชาวช่องปวดหูไปตามๆ กัน ชอบใส่เสื้อรัดรูป กางเกงขาเดฟ

ผู้หญิงจะนุ่งขาสั้นชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์



14.เด็กผ้าบาง

เด็กแนวกลุ่มนี้จะนิยมใส่เสื้อเนื้อบางๆ ที่สำคัญต้องทำจากผ้าคอตตอน 50%

เท่านั้น

---------------------------------------------------------------

แล้วเพื่อนๆ แต่งแนวไหนกันคะ ^^


ใครมีแนวอื่นนอกเหนือจากนี้เพิ่มได้นะคะ ^^"



*** ขออนุญาติ แก้ไขข้อมูลบางส่วนโดย เว็บมาสเตอร์ yenta4









ตั้งเมื่อ: 18:31 น. 16 มิ.ย. 2009
แท็ก: hiphop, แฟชั่น, emo, punk, แฟชั่นเสื้อผ้า, สไตล์, แฟชั่นเกาหลี, แฟชั่นแนวเกาหลี, พั้งก์
ถ้า ถูกใจ กด Like และ Share ขึ้นบน Facebook หรือ Tweet ส่งต่อให้เพื่อนได้นะจ๊ะ




โหวตกระทู้ ตอบกระทู้นี้ ส่งให้เพื่อน แจ้งลบกระทู้



Yenta4.com บน Facebook


Yenta4.com บน Twitter (เล่นอย่างไร)




โดย:
Jew_NaRak



กระทู้ล่าสุดในหมวด
วิกผมเกาหลี สุดฮิต แบบฉบับสาวอินเทรนด์
เครื่องประดับดินสอสีไอเดียสุดเก๋จากดีไซเนอร์อิตาลี
แฟชั่นกระโปรงสวยๆ บอบบางดั่งเจ้าหญิง ฟูฟ่องทั่วกรุง
แฟชั่นหน้าร้อนปีนี้ (54)
แฟชั่นลายจุด เซ็ท 2
แฟชั่นลายจุด
วิธีทำผมน่ารักๆ สไตล์สาวญี่ปุ่น
เท่-เซ็กซี่ ด้วย ‘หนัง’
ตาสวย ด้วยก้อนหิน
ทรงผม หางม้า แบบผมหางม้าปี 2011
รวมกระทู้หมวด
เกาหลี รายได้เสริม แฟชั่น เสื้อผ้าแฟชั่น ผิวขาว งาน ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก แฟชั่นเกาหลี เดรส skinfood อาหารเสริม สิว กระเป๋า เสื้อผ้า ราคาถูก รักษาสิว กลูต้าไธโอน ป้ายทอ หางาน กลูต้า ป้ายคอเสื้อ จุดด่างดำ ขายส่ง งานพิเศษ เลเบล etude ครีมหน้าขาว คลิปต่อผม ครีมหน้าใส
ผู้สนับสนุนใจดี

ภาษาไทย

ภาษาไทย เป็นภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเชื้อสายอื่นในประเทศไทย ภาษาไทยเป็นภาษาในกลุ่มภาษาไต ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได สันนิษฐานว่า ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และนักภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกับ ตระกูลภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต
ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ เป็นที่ลำบากของชาวต่างชาติเนื่องจาก การออกเสียงวรรณยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคำ และการสะกดคำที่ซับซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมีการใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นด้วย
เนื้อหา [ซ่อน]
1 ชื่อภาษาและที่มา
2 ระบบเสียง
2.1 พยัญชนะ
2.2 สระ
2.3 วรรณยุกต์
3 ไวยากรณ์
4 การยืมคำจากภาษาอื่น
4.1 คำที่ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต
5 อ้างอิง
6 แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ชื่อภาษาและที่มา

คำว่า ไทย หมายความว่า อิสรภาพ เสรีภาพ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ใหญ่ ยิ่งใหญ่ เพราะการจะเป็นอิสระได้จะต้องมีกำลังที่มากกว่า แข็งแกร่งกว่า เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก แม้คำนี้จะมีรูปเหมือนคำยืมจากภาษาบาลีสันสกฤต แต่แท้ที่จริงแล้ว คำนี้เป็นคำไทยแท้ที่เกิดจากกระบวนการสร้างคำที่เรียกว่า 'การลากคำเข้าวัด' ซึ่งเป็นการลากความวิธีหนึ่ง ตามหลักคติชนวิทยา คนไทยเป็นชนชาติที่นับถือกันว่า ภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาที่บันทึกพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นภาษาอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคล เมื่อคนไทยต้องการตั้งชื่อประเทศว่า ไท ซึ่งเป็นคำไทยแท้ จึงเติมตัว ย เข้าไปข้างท้าย เพื่อให้มีลักษณะคล้ายคำในภาษาบาลีสันสกฤตเพื่อความเป็นมงคลตามความเชื่อของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผู้เป็นไทนั่นเอง
[แก้]ระบบเสียง

ระบบเสียงในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
เสียงพยัญชนะ
เสียงสระ
เสียงวรรณยุกต์
[แก้]พยัญชนะ
เสียงสัทอักษรพยัญชนะในภาษาไทย (เสียงแปร) มีอยู่ด้วยกัน 21 เสียงดังต่อไปนี้
ริมฝีปาก
ทั้งสอง ริมฝีปากล่าง
-ฟันบน ปุ่มเหงือก หลังปุ่มเหงือก เพดานแข็ง เพดานอ่อน ผนังคอ
เสียงกัก /p/
ป /pʰ/
ผ,พ /b/
บ /t/
ฏ,ต /tʰ/
ฐ,ฑ*,ฒ,ถ,ท,ธ /d/
ฎ,ฑ*,ด /k/
ก /kʰ/
ข,ฃ,ค,ฅ,ฆ /ʔ/
อ**
เสียงนาสิก /m/
ม /n/
ณ,น /ŋ/

เสียงเสียดแทรก /f/
ฝ,ฟ /s/
ซ,ศ,ษ,ส /h/
ห,ฮ
เสียงผสมเสียดแทรก /t͡ɕ/
จ /t͡ɕʰ/
ฉ,ช,ฌ
เสียงรัวลิ้น /r/

เสียงเปิด /j/
ญ,ย /w/

เสียงข้างลิ้น /l/
ล,ฬ
* ฑ สามารถออกเสียงได้ทั้ง /tʰ/ และ /d/ ขึ้นอยู่กับคำศัพท์
** เสียง /ʔ/ มีปรากฏอยู่ในคำที่มีสระเสียงสั้นและไม่มีพยัญชนะสะกด
[แก้]สระ
เสียงสระในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ สระเดี่ยว สระประสม และสระเกิน
สระเดี่ยว คือสระที่เกิดจากฐานเพียงฐานเดียว มีทั้งสิ้น 18 เสียง
ลิ้นส่วนหน้า ลิ้นส่วนหลัง
ปากเหยียด ปากเหยียด ปากห่อ
สั้น ยาว สั้น ยาว สั้น ยาว
ลิ้นยกสูง /i/
–ิ /iː/
–ี /ɯ/
–ึ /ɯː/
–ื /u/
–ุ /uː/
–ู
ลิ้นกึ่งสูง /e/
เ–ะ /eː/
เ– /ɤ/
เ–อะ /ɤː/
เ–อ /o/
โ–ะ /oː/
โ–
ลิ้นกึ่งต่ำ /ɛ/
แ–ะ /ɛː/
แ– /ɔ/
เ–าะ /ɔː/
–อ
ลิ้นลดต่ำ /a/
–ะ /aː/
–า

สระเดี่ยว
สระประสม
สระประสม คือสระที่เกิดจากสระเดี่ยวสองเสียงมาประสมกัน เกิดการเลื่อนของลิ้นในระดับสูงลดลงสู่ระดับต่ำ ดังนั้นจึงสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "สระเลื่อน" มี 3 เสียงดังนี้
เ–ีย /iaː/ ประสมจากสระ อี และ อา
เ–ือ /ɯaː/ ประสมจากสระ อือ และ อา
–ัว /uaː/ ประสมจากสระ อู และ อา
ในบางตำราจะเพิ่มสระสระประสมเสียงสั้น คือ เ–ียะ เ–ือะ –ัวะ ด้วย แต่ในปัจจุบันสระเหล่านี้ปรากฏเฉพาะคำเลียนเสียงเท่านั้น เช่น เพียะ เปรี๊ยะ ผัวะ เป็นต้น
สระเสียงสั้น สระเสียงยาว สระเกิน
ไม่มีตัวสะกด มีตัวสะกด ไม่มีตัวสะกด มีตัวสะกด ไม่มีตัวสะกด มีตัวสะกด
–ะ –ั–¹ –า –า– –ำ (ไม่มี)
–ิ –ิ– –ี –ี– ใ– (ไม่มี)
–ึ –ึ– –ือ –ื– ไ– ไ––⁵
–ุ –ุ– –ู –ู– เ–า (ไม่มี)
เ–ะ เ–็– เ– เ–– ฤ, –ฤ ฤ–, –ฤ–
แ–ะ แ–็– แ– แ–– ฤๅ (ไม่มี)
โ–ะ –– โ– โ–– ฦ, –ฦ ฦ–, –ฦ–
เ–าะ –็อ– –อ –อ–² ฦๅ (ไม่มี)
–ัวะ (ไม่มี) –ัว –ว–
เ–ียะ (ไม่มี) เ–ีย เ–ีย–
เ–ือะ (ไม่มี) เ–ือ เ–ือ–
เ–อะ (ไม่มี) เ–อ เ–ิ–³, เ–อ–⁴
สระเกิน คือสระที่มีเสียงของพยัญชนะปนอยู่ มี 8 เสียงดังนี้
–ำ /am, aːm/ ประสมจาก อะ + ม (อัม) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาม)
ใ– /aj, aːj/ ประสมจาก อะ + ย (อัย) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย)
ไ– /aj, aːj/ ประสมจาก อะ + ย (อัย) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย)
เ–า /aw, aːw/ ประสมจาก อะ + ว (เอา) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาว)
ฤ /rɯ/ ประสมจาก ร + อึ (รึ) บางครั้งเปลี่ยนเป็น /ri/ (ริ) หรือ /rɤː/ (เรอ)
ฤๅ /rɯː/ ประสมจาก ร + อือ (รือ)
ฦ /lɯ/ ประสมจาก ล + อึ (ลึ)
ฦๅ /lɯː/ ประสมจาก ล + อือ (ลือ)
บางตำราก็ว่าสระเกินเป็นพยางค์ ไม่ถูกจัดว่าเป็นสระ
สระบางรูปเมื่อมีพยัญชนะสะกด จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระ สามารถสรุปได้ตามตารางด้านขวา
¹ คำที่สะกดด้วย –ะ + ว นั้นไม่มี เพราะซ้ำกับ –ัว แต่เปลี่ยนไปใช้ เ–า แทน
² คำที่สะกดด้วย –อ + ร จะลดรูปเป็น –ร ไม่มีตัวออ เช่น พร ศร จร ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ โ–ะ ดังนั้นคำที่สะกดด้วย โ–ะ + ร จึงไม่มี
³ คำที่สะกดด้วย เ–อ + ย จะลดรูปเป็น เ–ย ไม่มีพินทุ์อิ เช่น เคย เนย เลย ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ เ– ดังนั้นคำที่สะกดด้วย เ– + ย จึงไม่มี
⁴ พบได้น้อยคำเท่านั้นเช่น เทอญ เทอม
⁵ มีพยัญชนะสะกดเป็น ย เท่านั้น เช่น ไทย ไชย
[แก้]วรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์ ในภาษาไทย (เสียงดนตรีหรือเสียงผัน) จำแนกออกได้เป็น 5 เสียง ได้แก่
เสียงสามัญ (ระดับเสียงกลาง)
เสียงเอก (ระดับเสียงต่ำ)
เสียงโท (ระดับเสียงสูง-ต่ำ)
เสียงตรี (ระดับเสียงกลาง-สูง หรือ ระดับเสียงสูงอย่างเดียว)
เสียงจัตวา (ระดับเสียงต่ำ-กึ่งสูง)
ส่วน รูปวรรณยุกต์ มี 4 รูป ได้แก่
ไม้เอก ( -่ )
ไม้โท ( -้ )
ไม้ตรี ( -๊ )
ไม้จัตวา ( -๋ )
ทั้งนี้คำที่มีรูปวรรณยุกต์เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีระดับเสียงวรรณยุกต์เดียวกัน ขึ้นอยู่กับระดับเสียงของอักษรนำด้วย เช่น ข้า (ไม้โท) ออกเสียงโทเหมือน ค่า (ไม้เอก) เป็นต้น
[แก้]ไวยากรณ์

ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด คำในภาษาไทยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปไม่ว่าจะอยู่ในกาล (tense) การก (case) มาลา (mood) หรือวาจก (voice) ใดก็ตาม คำในภาษาไทยไม่มีลิงก์ (gender) ไม่มีพจน์ (number) ไม่มีวิภัตติปัจจัย แม้คำที่รับมาจากภาษาผันคำ (ภาษาที่มีวิภัตติปัจจัย) เป็นต้นว่าภาษาบาลีสันสกฤต เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูป คำในภาษาไทยหลายคำไม่สามารถกำหนดหน้าที่ของคำตายตัวลงไปได้ ต้องอาศัยบริบทเข้าช่วยในการพิจารณา เมื่อต้องการจะผูกประโยค ก็นำเอาคำแต่ละคำมาเรียงติดต่อกันเข้า ภาษาไทยมีโครงสร้างแตกกิ่งไปทางขวา คำคุณศัพท์จะวางไว้หลังคำนาม ลักษณะทางวากยสัมพันธ์โดยรวมแล้วจะเป็นแบบ 'ประธาน-กริยา-กรรม'
[แก้]การยืมคำจากภาษาอื่น

ภาษาไทยเป็นภาษาหนึ่งที่มีการยืมคำมาจากภาษาอื่นๆค่อนข้างสูงมาก มีทั้งแบบยืมมาจากภาษาในตระกูลภาษาไท-กะได ด้วยกันเอง และข้ามตระกูลภาษา โดยส่วนมากจะยืมมาจากภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ซึ่งมีทั้งรักษาคำเดิม ออกเสียงใหม่ สะกดใหม่ หรือเปลี่ยนความหมายใหม่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน
บางครั้งเป็นการยืมมาซ้อนคำ เกิดเป็นคำซ้อน คือ คำย่อยในคำหลัก มีความหมายเดียวกันทั้ง เช่น
ดั้งจมูก โดยมีคำว่าดั้ง เป็นคำในภาษาไต ส่วนจมูก เป็นคำในภาษาเขมร
อิทธิฤทธิ์ มาจาก อิทธิ (iddhi) ในภาษาบาลี ซ้อนกับคำว่า ฤทธิ (ṛddhi) ในภาษาสันสกฤต โดยทั้งสองคำมีความหมายเดียวกัน
[แก้]คำที่ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต
คำจำนวนมากในภาษาไทย ไม่ใช้คำในกลุ่มภาษาไต แต่เป็นคำที่ยืมมาจากกลุ่มภาษาสันสกฤต-ปรากฤต โดยมีตัวอย่างดังนี้
รักษารูปเดิม หรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
วชิระ (บาลี:วชิระ [vajira]), วัชระ (สันส:วัชร [vajra])
ศัพท์ (สันส:ศัพทะ [śabda]), สัท (เช่น สัทอักษร) (บาลี:สัททะ [sadda])
อัคนี และ อัคคี (สันส:อัคนิ [agni] บาลี:อัคคิ [aggi])
โลก (โลก) - (บาลี-สันส:โลกะ [loka])
ญาติ (ยาด) - (บาลี:ญาติ (ยา-ติ) [ñāti])
เสียง พ มักแผลงมาจาก ว
เพียร (มาจาก พิริยะ และมาจาก วิริยะ อีกทีหนึ่ง) (สันส:วีรยะ [vīrya], บาลี:วิริยะ [viriya])
พฤกษา (สันส:วฤกษะ [vṛkṣa])
พัสดุ (สันส: [vastu] (วัสตุ); บาลี: [vatthu] (วัตถุ))
เสียง -อระ เปลี่ยนมาจาก -ะระ
หรดี (หอ-ระ-ดี) (บาลี:หรติ [harati] (หะระติ))
เสียง ด มักแผลงมาจาก ต
หรดี (หอ-ระ-ดี) (บาลี:หรติ [harati] (หะระติ))
เทวดา (บาลี:เทวะตา [devatā])
วัสดุ และ วัตถุ (สันส: [vastu] (วัสตุ); บาลี: [vatthu] (วัตถุ))
กบิลพัสดุ์ (กะ-บิน-ละ-พัด) (สันส: [kapilavastu] (กปิลวัสตุ); บาลี: [kapilavatthu] (กปิลวัตถุ))
เสียง บ มักแผลงมาจาก ป
กบิลพัสดุ์ (กะ-บิน-ละ-พัด) (สันส: [kapilavastu] (กปิลวัสตุ); บาลี: [kapilavatthu] (กปิลวัตถุ))
บุพเพ และ บูรพ (บาลี: [pubba] (ปุพพ))
ข้อความตัวหนา== ดูเพิ่ม ==
อักษรไทย
ไตรยางศ์
คำราชาศัพท์
คำที่มักเขียนผิด
ภาษาในประเทศไทย
วันภาษาไทยแห่งชาติ
ภาษาวิบัติ
[แก้]อ้างอิง

กำชัย ทองหล่อ. หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ : บำรุงสาส์น, 2533.
นันทนา รณเกียรติ. สัทศาสตร์ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2548. ISBN 978-974-571-929-3.
อภิลักษณ์ ธรรมทวีธิกุล และ กัลยารัตน์ ฐิติกานต์นารา. 2549.“การเน้นพยางค์กับทำนองเสียงภาษาไทย” (Stress and Intonation in Thai ) วารสารภาษาและภาษาศาสตร์ ปีที่ 24 ฉบับที่ 2 (มกราคม – มิถุนายน 2549) หน้า 59-76
สัทวิทยา : การวิเคราะห์ระบบเสียงในภาษา. 2547. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Gandour, Jack, Tumtavitikul, Apiluck and Satthamnuwong, Nakarin.1999. “Effects of Speaking Rate on the Thai Tones.” Phonetica 56, pp.123-134.
Tumtavitikul, Apiluck, 1998. “The Metrical Structure of Thai in a Non-Linear Perspective”. Papers presentd to the Fourth Annual Meeting of the Southeast Asian Linguistics Society 1994, pp.53-71. Udom Warotamasikkhadit and Thanyarat Panakul, eds. Temple,Arizona:Program for Southeast Asian Studies, Arizona State University.
Apiluck Tumtavitikul. 1997. “The Reflection on the X’ category in Thai”. Mon-Khmer Studies XXVII, pp. 307-316.
อภิลักษณ์ ธรรมทวีธิกุล. 2539. “ข้อคิดเกี่ยวกับหน่วยวากยสัมพันธ์ในภาษาไทย” วารสารมนุษยศาสตร์วิชาการ. 4.57-66.
Tumtavitikul, Appi. 1995. “Tonal Movements in Thai”. The Proceedings of the XIIIth International Congress of Phonetic Sciences, Vol. I, pp. 188-121. Stockholm: Royal Institute of Technology and Stockholm University.
Tumtavitikul, Apiluck. 1994. “Thai Contour Tones”.Current Issues in Sino-Tibetan Linguistics, pp.869-875. Hajime Kitamura et al, eds, Ozaka: The Organization Committee of the 26th Sino-Tibetan Languages and Linguistics,National Museum of Ethnology.
Tumtavitikul, Apiluck. 1993. “FO – Induced VOT Variants in Thai”. Journal of Languages and Linguistics, 12.1.34 – 56.
Tumtavitikul, Apiluck. 1993. “Perhaps, the Tones are in the Consonants?” Mon-Khmer Studies XXIII, pp.11-41.
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น

สถานีย่อย:ภาษา

วิกิตำรา มีคู่มือ ตำรา หรือวิธีการเกี่ยวกับ:
ภาษาไทย
ภาษาไทยและอักษรไทย ที่ Omniglot (อังกฤษ)
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
พจนานุกรมคำและวลี ภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ (อังกฤษ)
[ซ่อน]
ด • พ • ก
ภาษาในตระกูลภาษาไท-กะได
ภาษาไหล-เกยัน
ไหล • เจียมาว • ยารง • เกลาว • ลาติ • ลาติขาว • ปู้ยัง • จุน • เอน • กวาเบียว • ลาคัว • ลาฮา
ภาษาคำ-ไต
เบ • ไต • แสก • ลักเกีย • เบียว • อ้ายจาม • ต้ง (เหนือ / ใต้) • คัง • มู่หล่าว • เหมาหนาน • สุ่ย
กลุ่มภาษาคำ-ไต > ภาษาไต
กลุ่มเชียงแสน
ไทดำ • ไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) • ไทขาว • ไทย • ไทฮ่างตง • ไทแดง • พวน • ตูลาว
กลุ่มลาว-ผู้ไท
ลาว • ญ้อ • ผู้ไท • ไทยถิ่นอีสาน
กลุ่มไทพายัพ
อาหม • อ่ายตน • คำตี่ • คำยัง • พ่าเก • ไทขึน • ไทใหญ่ • ไทลื้อ • ไทไต้คง (ไทเหนือ)
กลุ่มอื่นๆ
ปายี • ไทตรันห์ • ไทยอง • ไทหย่า
ภาษาไต(อื่นๆ)
จ้วง • นุง • ต่าย • ตุรุง • นาง • ปูยี • ไทยถิ่นใต้ (ตามโพร) • ไทยโคราช
หมวดหมู่: ภาษาไทย | ภาษาในประเทศไทย | ตระกูลภาษาไท-กะได
ล็อกอิน / สร้างบัญชีผู้ใช้บทความอภิปรายเนื้อหาแก้ไขประวัติ

หน้าหลัก
เหตุการณ์ปัจจุบัน
ถามคำถาม
บทความคัดสรร
บทความคุณภาพ
สุ่มบทความ
มีส่วนร่วม
ศาลาประชาคม
ปรับปรุงล่าสุด
เรียนรู้การใช้งาน
ติดต่อวิกิพีเดีย
บริจาคให้วิกิพีเดีย
วิธีใช้
พิมพ์/ส่งออก
เครื่องมือ
ภาษาอื่น
Afrikaans
العربية
مصرى
Български
বাংলা
ইমার ঠার/বিষ্ণুপ্রিয়া মণিপুরী
Català
Česky
Deutsch
English
Esperanto
فارسی
Suomi
Français
Gaeilge
Galego
Gaelg
עברית
हिन्दी
Hrvatski
Magyar
Bahasa Indonesia